Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดง
Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดง
การหยิบเอาประเด็นหลังความตายมาตีโจทย์ให้เป็นความเบ๊อะบ๊ะของกามเทพที่ต้องทำภารกิจ ฟังดูก็น่าจะเป็นสูตรสำเร็จที่ฮิตไม่ยาก เพราะนี่คือ “Till We Meet Again ภารกิจรัก ด้ายแดง” หนังไต้หวันที่เป็นกระแสและกวาดรายได้ได้ถล่มทลายในรอบปีที่ผ่านมา หนังที่หยิบเอาความเชื่อและความรักมาผูกโยงเข้าไว้ด้วยกัน จึงกลายออกมาเป็นหนังที่น่าจะดึงดูดใจคนดูได้ไม่ยาก กับเสน่ห์ของนักแสดงที่เหมาะเจาะกับบทบาทค่อนข้างดี
Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดงเล่าเรื่องราวของ อลัน หนุ่มนักกีฬาสุดทะเล้น ที่ประสบเหตุเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่ต่อมาสวรรค์ได้เมตตามอบภารกิจให้เขาเป็นกามเทพ โดยที่มี พิงกี้ กามเทพแสนซนเป็นคู่หูของเขา ที่ต้องช่วยกันยิงด้ายแดง และทำภารกิจให้คนรักกันได้สำเร็จ แต่ภารกิจนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อคู่หูกามเทพนั้นจะต้องมาเจองานที่ท้าทายในการผูกด้ายแดงให้กับ เสี่ยวหมี่ หญิงสาวที่เป็นรักแรกของอลัน ที่เธอยังคงฝังลึกกับความรู้สึกที่แอบซ่อนไว้อยู่
เอาตรงๆ เลยก็คือ Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดงก็ถือความปังที่ได้มาเจอสูตรสำเร็จดั้งเดิมล้วนๆ หนังมาพร้อมกับจังหวะที่ดูเพลินได้ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าโครงสร้างและเรื่องราวต่างๆ ที่ใส่เข้ามาจะค่อนข้างดูสะเปาะสะปะและไร้ความสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เป็นหนังรักแฟนตาซี…อะไรก็เกิดขึ้นได้ (จริงไหม?) และนั่นจึงเป็นเสน่ห์ทำให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ครบรส รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังรอมคอมจากไต้หวัน
ปัญหาหลักๆ ของหนังก็คงจะเป็นบทหนัง ที่้พยายามที่จะหยิบประเด็นนั้น ใส่ประเด็นนี้ เข้ามาปะปนในเรื่องเดียวกัน ทั้งที่ยังไม่สามารถแบกรับและถ่ายทอดทั้งหมดที่มีอยู่ในมือได้ทั้งหมด ทำให้แกนหลักที่เป็นเรื่องความรักในภารกิจจับคู่ที่ควรจะมีเสน่ห์อันตราตรึงใจมากกว่านี้ กลับยังไม่สามารถดึงดันไปสุดทาง ในขณะเดียวกัน ประเด็นรองที่แทรกบาปบุญคุณโทษและการเมืองแห่งยมโลก ก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะซื้อใจคนดูได้
แต่กระนั้น Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดงก็คงจะได้เสน่ห์ของทีมนักแสดงที่เป็นองค์ประกอบหลักที่ช่วยประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ กับโครงเรื่องที่น่าจะกินใจคนดูได้ไม่ยาก มีจุดตลกโปกฮา มีจุดดราม่ากินใจ เป็นจุดขายที่ได้จากสูตรสำเร็จเดิมๆ ของหนังไต้หวัน ได้ถูกนำมาใส่เอาไว้เป็นจุดที่เรียกแขกได้ไม่ยาก และก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ปฏิเสธไมได้เลยว่า “ไค เคอ” ได้ใช้แอคติ้งความทะเล้นเฉพาะตัวของเขามาเล่นหนังเรื่องนี้ได้อย่างทรงเสน่ห์มากๆ เขาแทบจะแบกรับหนังเรื่องนี้เอาไว้คนเดียวได้สบายๆ ทั้งจังหวะและลีลาการแสดงนั้น เหมือนกับบทบาทนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ในขณะที่ “จิ้งเกิ้ล หวัง” ก็ดูแก่นแก้วเข้ากับบทนี้ และเสน่ห์ของเธอก็ช่วยหนังได้ดีด้วย แม้ว่าบทบาทของหนังแทบจะถูกลืมไปเลยในช่วงท้ายของเรื่อง ทั้งที่เป็นคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจไม่น้อย แต่กลับนำมาใช้อย่างไม่คุ้มค่า
ส่วนทางด้าน วิเวียน ซ่ง ก็เข้าต้นตำหรับนางเอกหนังไต้หวันน่ารักๆ ที่มีหลายองค์ประกอบที่เธอเข้ามาช่วยส่งเสริมหนังได้ค่อนข้างดี แม้ว่าบทที่เธอได้รับจะค่อนข้างไร้มิติและตื้นเขินไปสักหน่อย แต่เมื่อทีมนักแสดงนำทั้ง 3 คนมาอยู่ด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างสนับสนุนกันและกัน และขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้ออกมาได้สนุกและเพลิดเพลินใจได้เป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่มีทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาคละเคล้ากันไป
น่าเสียดายที่ ไฟว์สตาร์ ไม่ได้นำหนังเรื่องนี้มาฉายในรูปแบบเสียงออริจินัล มีเพียงเวอร์ชั่นพากย์ไทยโดยแก๊งพันธมิตรที่ยังคงทักษะการพากย์ไทยได้อย่างช่ำชองเช่นเดิม เพียงแต่ว่าการพากย์นั้นกลับบั่นทอนอารมณ์ของหนังไปค่อนข้างเยอะพอสมควร เพราะถูกรบกวนจากการความพยายามพากย์สอดแทรกมุกตลกเข้าไปตลอดทาง เป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้เสียบรรยากาศอย่างน่าเสียดาย
โดยภาพรวมแล้ว Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดงไม่แปลกใจที่กลายเป็นหนังไต้หวันที่ประสบความสำเร็จแห่งปี เพราะหลายๆ องค์ประกอบค่อนข้างเหมาะเจาะ แม้ว่าจะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบอะไร แต่ก็มอบความบันเทิงให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ประเด็นต่างๆ ของหนังยังไม่สามารถบีบคั้นและเล่าได้ดีเพียงพอ แต่ก็รับรู้ถึงสารที่ต้องการสื่อออกมาให้คนดู
รวมทั้งการหยิบเอาประเด็นความเชื่อหลังความตายและหลักคำสอนทางศาสนาเข้ามาเชื่อมโยงเข้าเป็นในรูปแบบหนังที่ดูได้สนุก ก็ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จที่ทำออกมาได้น่าพอใจ ก็ถือว่า Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดงไม่ใช่หนังที่น่าผิดหวัง แต่ก็ยังไม่สามารุไปได้สุดทางที่ตั้งความหวังเอาไว้สักเท่าไหร่ เป็นหนังรักแฟนตาซีไต้หวันที่มีประเด็นดีแต่อาจจะยังไม่ได้กลมกล่อมมากสักเท่าไหร่