The Bad Guys วายร้ายพันธุ์ดี
The Bad Guys วายร้ายพันธุ์ดี
มีเรื่องน่าคิดเกี่ยวกับการทำแอนิเมชันในยุคหลังดิสนีย์ผูกขาดตลาด (ซึ่งปัจจุบันก็ยังครองอยู่เพียงแต่มีผู้เล่นมากขึ้น) คือการเกิดขึ้นมาของแอนิเมชันที่ยั่วล้อขนบต่าง ๆ ที่ดิสนีย์เคยทำไว้โดยเฉพาะการเปิดตัวของค่ายดรีมเวิร์ค (Dreamwork) ที่เลือกเจ้าเชร็ค (Shrek) ยักษ์ตัวเขียวที่ห่างไกลจากภาพเจ้าชายหล่อ ๆ อย่างที่เจ้าตลาดอย่างดิสนีย์เคยทำก็เหมือนการท้าทายบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองกลาย ๆ ว่ามันจะเป็นแอนิเมชันที่มีความโตขึ้นและไม่เน้นภาพลักษณ์ภายนอกเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เหล่าหนูน้อยทั้งหลายติดภาพและตัดสินคนแต่ภายนอก
และนับจาก ‘Shrek’ ที่เริ่มเปิดศักราชใหม่ของแอนิเมชันที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่ได้สนุกกับภาพ 3 มิติบนจอมากขึ้นด้วยเนื้อหาและมุกตลกที่มุ่งสร้างความบันเทิงแล้ว ดรีมเวิร์คได้เดินหน้าสร้างแอนิเมชันมา 41 เรื่องแล้ว (นับถึงปี 2021) และในปี 2022 ดรีมเวิร์คจะมีแอนิเมชันออกฉายอีก 2 เรื่องโดยประเดิมที่ ‘The Bad Guys’ หนังแอนิเมชันรวมมหาวายร้ายในโลกนิทานทั้งหมาป่า งู ปลาปิรันย่าและแมงมุมทารันทูลา (ก่อนจะได้ไปสนุกกับภาคต่อของเจ้าเหมียวจอมโจรจอมใจ ‘Puss in Boots : The Last Wish’ กันปลายปี).
แก๊งแบดกายส์อันประกอบด้วยวูล์ฟฟี หมาป่าจ่าฝูงหัวเสธ สเนค งูจอมสะเดาะตู้เซฟ ปิรันย่า ปลาขาลุยที่สามารถปล่อยก๊าซตอนผายลมได้ ชาร์ค ฉลามนักปลอมตัวและทารันทูลา แมงมุมแฮคเกอร์ พวกเขาออกปล้นและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวเมืองตามประสาผู้ร้ายที่ถูกกำหนดเอาไว้
แต่หลังจากแผนปล้นรางวัลโลมาทองคำผิดพลาดเหล่าแบคกายส์จึงจำเป็นต้องเข้าร่วมการทดลองของศาสตราจารย์มาร์มาเลด หนูตะเภาที่ชาวเมืองยกย่องในความดีเพื่อเปลี่ยนวายร้ายอย่างพวกเขาให้กลายเป็นคนพันธุ์ดีแทนการเข้าซังเต แต่แก๊งวายร้ายที่ทั้งชีวิตรู้จักแต่การปล้นและทำคนอื่นเดือดร้อนอย่างพวกเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้จริงเหรอ
‘The Bad Guys’ เป็นผลงานกำกับครั้งแรกของ ปิแอร์ เพอริเฟล (Pierre Perifel) ลูกหม้อดรีมเวิร์คที่ผ่านงานแอนิเมเตอร์ใน ‘Kung Fu Panda’ มาแล้วทุกภาคจนไต่เต้าได้กำกับ ‘Bilby’ แอนิเมชันขนาดสั้นให้ดรีมเวิร์คเมื่อปี 2018 โดยได้ อีแทน โคเฮน (Etan Cohen) มือเขียนบทหนังตลกระดับออสการ์ในตำนานอย่าง ‘Tropic Thunder’ มาดัดแปลงบทให้จนกล่าวได้ว่าบทหนังของ ‘The Bad Guys’ มีแนวใกล้เคียงกับหนังคนแสดงอย่างยิ่งโดยไม่ทิ้งจิตวิญญาณของแอนิเมชันดรีมเวิร์คด้วย
กล่าวคือหากไม่นับว่าเรากำลังดูแอนิเมชันแล้ว พลอตหนังของมันคือหนังอาชญากรรมตลกชั้นเยี่ยมได้เลยเพียงแต่ใส่ตัวละครสัตว์ที่มักถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายซึ่งก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของแอนิเมชันดรีมเวิร์คมาตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่คราวนี้เหมือนเหล่าสัตว์ร้ายสุดเก๋ามาอยู่ในพล็อตเรื่องแบบ ‘Ocean 11’ แล้วเสริมการหักมุมที่เราไม่อาจเล่าต่อได้ แต่หากให้เทียบก็แอบมีส่วนที่วิพากษ์สังคมคล้ายแอนิเมชันค่ายดิสนีย์อย่าง ‘Zootopia’ ไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกจุดที่ชอบมากคืองานภาพของแอนิเมชันในยุคที่แอนิเมชันสามมิติต่างแข่งกันเนี้ยบและทำให้มันดูใกล้ความจริงที่สุด ‘The Bad Guys’ กลับหยิบฉวยความเป็นการ์ตูนมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะต้องแลกกับความรู้สึกไม่คุ้นเคยจนเกือบมองว่าชุ่ย แต่พอปรับสายตาได้เราจะพบการคิดงานภาพที่ไร้กรอบและช่วยให้แอนิเมชันดูสนุกและเปี่ยมพลังโดยเฉพาะฉากแอ็กชันต่าง ๆ บอกได้เลยว่่ามันเป็นแอนิเมชันไม่กี่เรื่องที่นำเสนอซีนแอ็กชันได้มันสะใจจริง ๆ.
ด้านมุกตลกก็ต้องขอชื่นชมว่าแม้บทหนังจะมีอะไรหมิ่นเหม่มากมายแต่หนังก็ไร้มุกตลกที่มีพิษต่อเยาวชน แต่ยังทำให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่หัวเราะกันได้ก๊ากใหญ่ ๆ ด้วยการดำเนินเรื่องและท่าทีเปิ่น ๆ ของตัวละคร ยิ่งเสริมทัพด้วยงานพากย์เสียงที่เปี่ยมชีวิตชีวาก็ยิ่งทำให้หนังดูสนุกขึ้นมาก โดยรอบที่ผมได้ชมเป็นรอบพากย์ไทยบอกได้เลยว่าเสียงน้าติ่ง สุภาพ ไชยวิสุทธิ (เคยพากย์เป็นคริส ทักเกอร์ในหนัง ‘Rush Hour’) ให้เสียงเป็นสเนคได้มีชีวิตชีวาและทำเอากรามค้างจริง ๆ
โดยหากจะมีจุดติงบ้างก็คงหนีไม่พ้นภาคบังคับของเรื่องราวที่เชื่อว่าใครเป็นคนดูหนังดูไปไม่กี่นาทีก็คงเดาตอนจบออกหมดอยู่แล้วดังนั้นหากใครหวังจุดหักมุมแบบไม่คิดไม่ฝันมาก่อนก็คงไม่ใช่ล่ะครับ อีกจุดคือบางช่วงของหนังก็แอบมีเนือยมีลากไปบ้าง ใส่ความบังเอิญเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยบ้าง แต่หากยกประโยชน์ให้ในฐานะหนังการ์ตูนสำหรับผมก็ไม่ติดอะไรนะครับ
โดยสรุปแล้วคงต้องบอกว่า ‘The Bad Guys’ ถือเป็นแอนิเมชันตลกจารกรรมที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ดูแล้วก็สามารถสนุกตามกันได้ และข้อคิดสำคัญที่หนังให้เราแม้จะเป็นเหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่อย่าง อย่าตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก ก็น่าจะใช้ได้ในทางกลับกันที่เทรลเลอร์หรือตัวอย่างหนังของ ‘The Bad Guys’ เองก็ดึงดูดใจน้อยเกินไปจนอาจทำให้ผู้ชมคิดว่าเป็นแค่แอนิเมชันเด็กน้อยเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง.