Nightmare Alley ทางฝันร้ายสายมายา
Nightmare Alley ทางฝันร้ายสายมายา
กลายเป็นหนังบอมบ์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าหนังเจ๊ง สำหรับ Nightmare Alley งานใหม่ของผู้กำกับกิลเยอโม่ เดลโตโร่ เจ้าของรางวัลออสการ์จากหนังสัตว์ประหลาดโรแมนติก The Shape of Water และอีกหนึ่งผู้กำกับเม็กซิโกที่ไปได้ดีในฮอลลีวูด
Nightmare Alley หรือชื่อไทยว่า ทางฝันร้าย สายมายา ทำเงินในอเมริกาในสัปดาห์เปิดตัวไปเพียง 3 ล้านดอลล่าร์ และรวมๆ ถึงตอนนี้ทำเงินไปแค่ 15 ล้านดอลลาร์ จากงบสร้างกว่า 60 ล้าน ในเมืองไทย หนังเข้าฉายแต่เงียบเหลือเกิน แทบไม่มีกระแสอะไรใดๆ รายชื่อดาราดังทั้งหลายในหนังก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ทั้งแบรดลี่ คูเปอร์ รูนี่ มาร่า เคท แบลนเช๊ต และอื่นๆ อีกมาก
เป็นไปได้ว่าเมื่อหนังลงสตรีมมิ่ง น่าจะเรียกผู้ชมได้อีกระลอก ด้วยเพราะชื่อเดลโตโร่เองและด้วยขบวนดาราที่แสดงในหนัง แต่ถึงกระนั้น การเป็นหนังเจ๊งระดับนี้ก็ลบราศีผู้กำกับเม็กซิกันคนนี้ไปได้ประมาณหนึ่ง และยิ่งทำให้เห็นว่า ตลาดหนังฮอลลีวูดช่วงหลังโควิด ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้ชมยังเลือกหนังที “โดนแน่ๆ” อย่าง Spider-man มากกว่างานที่สนุกแต่ก็ท้าทายประมาณหนึ่งอย่าง Nightmare Alley
ผู้เขียนคิดว่าหนังเรื่องนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ถึงแม้การดำเนินเรื่องอาจจะเชื่องช้า และความพยายามหาสมดุลระหว่างสไตล์อันจัดจ้าน การคารวะหนังเก่า และจินตนาการสยดสยองแบบเดลโตโร่ อาจจะไม่ได้ลงตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ (แต่รับรองว่าถ้าลงสตรีมมิ่งเมื่อไหร่ มันอันต้องกดดูแน่นอน)
Nightmare Alley สร้างจากนิยายปี 1946 ของวิลเลียม ลินด์เซ เกรสเชม และถูกสร้างเป็นหนังมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1947 มีไทโรน พาวเวอร์ แสดงนำ (หาดู DVD ได้ สไตล์อาจจะเก่า แต่สนุกและสยองดีไม่น้อย) เรื่องราวว่าด้วยการเปิดโปงไส้พุงของวงการมายาและคณะแสดงละครเร่แบบคาร์นิวัล และเป็นนางแบบ film noir ยุคหลังสงครามที่ตรวจสอบด้านมืดของจิตใจ ความโสมมของอเมริกาและผู้คนที่หล่อเลี้ยงตนด้วยความโลภ การหักหลังหลอกลวง และการเดินทางเข้าสู่ฝันร้ายที่ตนเองเป็นผู้สร้างขึ้นมา
ในหนังฉบับใหม่นี้ แบรดลี่ คูเปอร์ แสดงเป็น สแดน คาร์ไล หนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้มีอดีตซ่อนเร้น คาร์ไล ระหกระเหินมาร่วมงานกับคณะละครคาร์นิวัลในรัฐห่างไกล (คณะละครเร่คล้ายๆ กับโชว์ตามงานวัดไทย) มีการแสดง “สัตว์ประหลาด” ทั้งคนกินไก่เป็นๆ
มนุษย์แมงมุม ฤาษีดัดตน คนมีพลังจิต หรือสาวไฟฟ้าที่สามารถโดนไฟช๊อตได้ ไม่รวมความสยดสยองอันน่าตื่นตาอื่นๆ เช่นเด็กทารกดอง สีสันฉูดฉาดของคณะคาร์นิวัลทำให้หนังในช่วงครึ่งแรก ทั้งน่าหลงใหลและอึมครึม ก่อนที่ตัวตนของคาร์ไลจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา
หลังจากเข้าร่วมคณะ คาร์ไลเรียนรู้กลพลังจิตจากนักแสดงรุ่นเก่าในคณะ ทำให้เขาสามารถโชว์ “การอ่านใจ” ผู้ชมได้ ความมักใหญ่ใฝ่สูงและทะเยอทะยาน (อันเป็นลักษณะของตัวละครจำนวนมากในหนังหรือนิยายอเมริกันหลังสงครามโลก)
ทำให้เขาออกจากคณะคาร์นิวัลมากับแฟนสาวชื่อมอลลี่ (รูนี่ มาร่า) มาหากินตั้งคณะโชว์กลพลังจิตในชิคาโก ที่มีบรรดาไฮโซ และผู้มีอิทธิพลทั้งหลายมาเป็นผู้ชมขาประจำ หนังในครึ่งหลังผันตัวเป็น film noir อย่างแท้จริง ทั้งในด้านภาพ
การแสดง (ที่ออกแนวเชยๆ ตั้งใจๆ) และพล๊อทเรื่องที่พลิกผันไปมาจนไม่รู้ว่าใครดีใครร้าย โดยคาร์ไลไปพัวพันกับจิตแพทย์ทรงเสน่ห์ ลิลิธ ริตเตอร์ (เคท แบลนเช็ต) สร้างกลพลังจิตและตั้งตัวเป็น “ร่างทรง” เพื่อหลอกลวงบรรดาคนรวยในเมืองชิคาโก
สำหรับคาร์ไลแล้ว หมดโรคจิตอย่างลิลิธ ไม่ต่างอะไรกับนักเล่นกลพลังจิตอย่างเขา เพราะทั้งสองอาชีพต่าง “หลอก” ผู้ชมหรือคนไข้ ด้วยการอ่านใจ ล้วงลึกไปในอดีตเพื่อทำนายอนาคต และปั่นหัวคนด้วยการอ้างว่าพวกเขา “รู้ความจริงที่ซ่อนเร้น”
ความทับซ้อนระหว่างการหลอกลวงและทฤษฎีจิตวิทยา เป็นเงื่อนไขสำคัญของหนังในช่วงหลัง ก่อนที่สุดท้ายแล้ว สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ ทั้งความเอาตัวรอด ความโลภ และการไม่สามารถปฏิเสธแรงผลักภายในตัวเอง จะทำให้คาร์ไลเดินเข้าสู่ตรอกอันมืดมนแห่งจิตใจตัวเอง สมกับขนบ film noir อย่างแท้จริง
นี่คงไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดของเดลโตโร่ (ช่างห่างไกลจาก Pan’s Labyrinth หรือแม้แต่ The Shape of Water) แต่ Nightmare Alley เป็นงานที่ทำเพื่อบูชาสไตล์หนังโบราณยุคกลางศตวรรษที่แล้ว และยังคงเอกลักษณ์และความหมกมุ่นกับด้านมืดอย่างที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้า น่าเสียดายที่หนังเงียบเชียบไปหน่อย และหวังว่าหนังจะได้ผู้ชมระลอกสองจากช่องทางอื่นในไม่ช้านี้