Choose or Die เลือกหรือตาย
Choose or Die เลือกหรือตาย
ยินดีต้อนรับเข้าสู่…เกมคลาสสิกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดกาล นี่คือคอนเซ็ปต์ในหนังเขย่าขวัญสุดสยองจากฝีมือทีมนักสร้างหนังรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับกิมมิกที่น่าสนใจไม่เบา “Choose or Die” (เลือกหรือตาย) เป็นหนังฟอร์มเล็ก ๆ ที่อาจจะไม่สะดุดตาคนดู แต่เนื้อแท้ข้างในนั้นซุกซ่อนเอาไว้เนื้อหาที่หนักแน่นและบีบคั้นอารมณ์ในลักษณะการสู้ชีวิต..แต่ชีวิตสู้กลับอะไรทำนองนั้น และมันก็เป็นองค์ประกอบที่เวิร์กและไม่เวิร์กปะปนกันไป
Choose or Die ว่าด้วยเรื่องราวของนักศึกษาที่กำลังแสวงหาโชคเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ก่อนที่เธอจะได้ค้นพบเกมคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า ‘เคอร์เซ่อร์’ เป็นเกมแนวเอาชีวิตรอดสุดคลาสสิกจากในช่วงยุคปี 1980s และเกมนี้ผู้เล่นที่ชนะจะได้รับเงินรางวัลถึง 1 แสนเหรียญ แต่เมื่อเธอได้ดำดิ่งเดินหมากเข้าสู่ห้วงของเกมนี้ ในไม่ช้าก็ได้ค้นพบว่าเธอไม่ได้เล่นเกมเพื่อเงินรางวัลอีกต่อไป แต่กลายเป็นเล่นเกมเพื่อเอาชีวิตให้รอด!
คือจริง ๆ คอนเซ็ปต์ของหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังสยองขวัญแนวเดิม ที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่แปลกใหม่อะไรเท่าไหร่ เป็นหนังแนวเล่นเกมสุดท้าทายแบบด่านต่อด่านไป โดยมีคอมพิวเตอร์ลึกลับเป็นผู้กำหนดโจทย์ และผู้เล่นก็ต้องเลือกเล่นเกมตามหน้าที่ของพวกเขา เพื่อให้ผ่านเลเวลนั้น ๆ ให้จงได้ เป็นไอเดียที่ไม่ได้มีความสดใหม่ แต่ก็สามารถสร้างเป็นกิมมิกที่สนุกออกมาไม่ยากเช่นกัน
นี่คือผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของ “โทบี้ มีกินส์” ที่ถือว่าเป็นหนังยาวเรื่องราวของเขา หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์จากการทำหนังสั้นมาหลายเรื่อง เขายังร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้เองด้วย กลั่นกรองออกมาเป็นหนังดราม่าเขย่าขวัญที่สร้างด่านแต่ละด่านได้บีบคั้นใจคนดูได้ทีละเรื่อย ๆ การสอดแทรกประเด็นดราม่าและปมชีวิตเข้ามาเป็นองค์ประกอบเสริมถือว่าเป็นจุดเสริมที่เรียกความสนใจได้ดี และยังเร่งเร้าอารมณ์ที่มีต่อตัวหนังได้ดีในระดับน่าพอใจด้วย
แค่ฉากเปิดเรื่องของ Choose or Die ก็ถือว่าเป็นการปูเรื่องเปิดเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ เมื่อนำมาขยายความออกมาเป็นเรื่องราว ผ่านการแสดงของ “ไอโอล่า อีแวนส์” นักแสดงสาวหน้าใหม่ที่มีโอกาสได้เล่นหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรก ที่ถือว่าเธอดีไซน์ตัวละครของตัวเองออกมาได้ค่อนข้างใช้ได้ สร้างมิติในคาแรกเตอร์ของตัวเองได้น่าสนใจ เป็นดาราดาวรุ่งที่มีลีลาการแสดงที่น่าประทับใจอยู่ไม่เบา
ในขณะที่ “เอซา บัตเตอร์ฟีลด์” ที่แน่นอนว่าเรารู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาถือว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มาช่วยเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ แม้ว่าคาแรกเตอร์ของเขาแทบจะไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงตัวละครตามหลังตัวละครหลักธรรมดา ๆ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเขาก็สามารถช่วยพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้ตลอดทางได้ดี เมื่อทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้าสถานการณ์เดียวกันในหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นการจับคู่ในเกมที่ทำให้คนดูต้องตาติดจอเอาไว้ได้ดี
โปรดักชั่นดีไซน์ของหนังเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ค่อนข้างทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์เกมเข้ากับด่านแต่ละด่านที่เป็นงานง่าย ๆ แต่แฝงเอาไว้ด้วยลวดลายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบของภาพกราฟฟิกและเสียงปลุกประสาทหู เป็นจุดที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างใช้ได้อีกจุด
แต่ Choose or Die ก็ยังเต็มไปด้วยช่องโหว่และหลายจุดที่ยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าเรื่องบทของหนังที่มีไอเดียค่อนข้างน่าสนใจ แต่การนำเสนอและถ่ายทอดยังไม่ค่อยไหลลื่นได้ดีสักเท่าไหร่ การดำเนินเรื่องอาจจะค่อนข้างกระชับดี แต่หลายปมก็ยังไม่สามารถทำให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของจุดประสงค์ที่หนังต้องการจะสื่อสารออกมาได้แจ่มแจ้งมากนัก
แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ยังสามารถนำเอาไปต่อยอดสร้างออกมาเป็นหนังแฟรนไชส์ได้สบาย ๆ เพียงแต่จุดเริ่มต้นของ Choose or Die ยังไม่ถึงขนาดแข็งแรงในองค์ประกอบของโครงเรื่องขนาดนั้น การเล่าเรื่องที่เหมือนจะไม่ยาก แต่ก็ถ่ายทอดออกมาให้ง่ายไม่ได้ถึงที่สุดอยู่ดี แม้จะทิ้งทวนด้วยการใส่ตอนจบแบบปลายเปิดเอาไว้ แต่จากใจจริงก็ต้องสารภาพว่า…หนังเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่ถึงขั้นที่มีแพสชั่นที่อยากจะดูเกมนี้ต่ออีกสักเท่าไหร่
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น Choose or Die ถือว่าเป็นเขยาขวัญสไลต์เล่นเกมไปเป็นด่าน ๆ ที่พล็อตโดยรวมออกจะเชยไปสักหน่อย แต่เนื้อในของหนังนั้นก็มีกิมมิกบางอย่างซ่อนเอาไว้ ผู้เล่นที่ไม่ใช่แค่เหยื่อยอมจำนนเล่นให้จบเกมเพียงอย่างเดียว แต่การสู้ชีวิตกับชีวิตที่พยายามสู้กลับของหนังเรื่องนี้เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้ติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่านี่จะยังไม่ใช่หนังสยองที่ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบอะไร แต่ก็เป็นหนังที่สามารถดูได้เพลิน ๆ ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ใด ๆ เพียงแต่อาจจะมีความน่าจดจำยังไม่เยอะสักเท่าไหร่ก็ตาม