A Journal for Jordan
A Journal for Jordan
มาถึงคิวของหนังดราม่าจัดจ้านที่เพิ่งจะฉายให้ได้เช่าดูกันที่ทรูไอดี กับ “A Journal for Jordan” (บันทึกรักจากใจพ่อ) ที่เห็นแค่ชื่อก็น่าจะเรียกน้ำตาให้กับคนดูได้แล้ว นี่คือเรื่องราวอันทรงพลังของชายคนหนึ่งที่ได้ทิ้งเอาไว้ให้กับครอบครัวที่เอาไม่สามารถอยู่ดูแลได้ หนังที่มาพร้อมกับการถ่ายทอดเรื่องราวที่พร้อมจะขยี้หัวใจคนดู กับการแสดงอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงคุณภาพที่แค่เห็นทีเซอร์ตัวอย่างก็เห็นได้ถึงความดีงาม
A Journal for Jordanเป็นเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ จ่าสิบเอกชาร์ลส์ มอนโรล คิง ทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการในอิรัก หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยายน ก่อนจะเข้าเสียชีวิตลงในสมรภูมิ แต่ก่อนที่เขาจะจากไปนั้น เขาได้เริ่มที่จะเขียนบันทึกเอาไว้ในสมุดเล่มหนึ่ง เพื่อถ่ายทอดความรักและคำแนะนำต่าง ๆ เอาไว้ให้กับลูกชายตัวน้อยของเขา ในยามที่เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นลูกได้เติบโตในภายภาคหน้า
ในขณะที่ เดนา เคเนดี้ บรรณาธิการข่าวอาวุโสแห่ง New York Times ที่ได้นั่งหวนคิดถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเธอกับสามี ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานของเธอ และการอุทิศตัวตนให้กับตำแหน่งหน้าที่ของสามี เธอกับเขาพยายามแบ่งปันความรักที่มีให้ต่อลูก แม้ว่าเธอจะต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ก็เหมือนกับว่า ชาร์ลส์ ยังคงอุทิศความรักทิ้งเอาไว้ให้กับเธอและลูกอยู่เสมอ
และนี่ก็คือผลงานการกำกับของ “เดนเซล วอชิงตัน” อีกครั้ง นับว่าเขาเป็นโต้โผใหญ่ในการหยิบเอาเรื่องราวนี้มาถ่ายทอดสู่จอใหญ่ครั้งนี้ แน่นอนว่าในแง่นักทำหนังนั้น เขาถือว่าเป็นผู้กำกับที่มักจะลงรายละเอียดเล็กน้อยในการขยี้ปมดราม่าของตัวละครและเรื่องราวได้ถึงกึ๋น
และผลงานชิ้นนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาสามารถขยี้ความดราม่าของหนังได้อย่างเข้มข้นและคมคาย เพียงแต่น่าเสียดายไปสักหน่อย เพราะกลายเป็นว่าความดราม่าที่ควรจะเป็นความดีงาม กลายเป็นจุดบั่นทอนหนังเรื่องนี้ไปเสียอย่างนั้น
A Journal for Jordanกลายเป็นหนังดราม่าโรแมนติก ที่สะท้อนชีวิตของคู่รักคู่หนึ่งจากจุดเริ่มต้น โดยที่ทั้งคู่ต้องแบกรับหน้าที่การงานของตัวเอง ท่ามกลางสถานการณ์ในยุคที่โลกกำลังปั่นป่วนจากภัยก่อการร้าย การเริ่้มสร้างครอบครัวของพวกเขาอาจจะไม่ใช่จังหวะที่ดี แต่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความหนักแน่นให้กับความรักที่ต่อกันและกันได้อย่างดี แต่การร้อยเรียงเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างเนิบช้า ปล่อยจังหวะไหลไปเรื่อย ๆ กลายเป็นดราม่าที่แทบจะลืมใส่ความกินใจเข้าไป
แม้ว่าการแสดงของ “ไมเคิล บี. จอร์แดน” กับ “ชันเต อดัมส์” จะเข้าขากันดีและถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่การแสดงชั้นเลิศของพวกเขา กลับไม่สามารถช่วยพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างเต็มที่นัก ปัญหาก็ยังคงติดอยู่ที่การเล่าเรื่องที่ขาดเสน่ห์ไปสักหน่อย การตัดต่อที่ค่อนข้างเฉียบคม แต่ยังร้อยเรียงเรื่องได้ปนเปสลับไปมา ที่หากว่าผู้ชมหลุดไปแค่เพียงชั่วครู่ ก็สามารถติดตามไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านั้น เป็นพาร์ทอดีตหรือปัจจุบันกันแน่
แต่อย่างไรก็ตาม A Journal for Jordanก็ยังคงเป็นหนังที่มีประเด็นที่แข็งแรงและมีจุดประสงค์ในการนำเสนอเรื่องราวที่หนักแน่นดี บทหนังค่อนข้างใช้ได้ แต่การดำเนินเรื่องและถ่ายทอดออกมาเป็นฉากต่อฉากในหนังนั้น ยังไม่สามารถดึงดูดผู้ชมเอาไว้ได้ดีเท่าที่ควร
ทั้งที่ควรจะเป็นหนังดราม่าทรงพลังในด้านเนื้อหาและการแสดงของนักแสดงเอง แต่กลับไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้อย่างที่ควรจะเป็น และเหมือนหลงลืมใส่ความทรงพลังของเรื่อง ที่น่าจะทำได้ถึงใจถึงอารมณ์ได้มากกว่านี้
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น A Journal for Jordanก็ถือว่าเป็นดราม่าที่มีประเด็นที่แข็งแรง แต่เสียเพียงอย่างเดียวตรงที่วิธีการถ่ายทอดเรื่องราวยังไม่ออกรสชาติได้เพียงพอ ในขณะที่ประเด็นรองที่เป็นความสัมพันธ์สายใยระหว่างครอบครัวก็ยังไม่สามารถเค้นออกมาได้ถึงจุด
แต่หากใครที่ชื่นชอบหนังดราม่าจัด ๆ ใส่ฉากสงครามเข้ามาแทรกเป็นกลิ่นอาย น่าจะพอถูไถไปกับหนังเรื่องนี้ได้ นี่อาจจะไม่ใช่หนังที่เยี่ยมยอด แต่ก็ไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่ใด ๆ เพราะเนื้อหาของหนังเรื่องนี้ยังไงก็ต้องยกนิ้วให้อยู่ดี…