Heartstopper
Heartstopper
ในขณะที่บ้านเราทุกวันนี้มีโปรแกรมซีรีส์ที่แสดงถึงความหลากหลายให้ผู้ชมได้เลือกดูเยอะแยะเป็นกอง ไม่ใช่แค่เพียงเป็นผลงานที่ขายแต่คู่จิ้นในจอ แต่เนื้อหาและเนื้อเรื่องของซีรีส์แต่ละเรื่องก็กำลังพัฒนาขึ้นไปมาก และนั่นก็น่าจะเป็นโมเดลที่ดีที่หลาย ๆ ชาติอยากจะเจริญรอยตาม หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นฝั่งฮอลลิวูด ที่ปัจจุบันมีซีรีส์แนว LGBTQ ในปริมาณที่ค่อนข้างน้อย และการมาของซีรีส์เชื้อสายอังกฤษอย่าง “Heartstopper” จึงกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและตื่นใจของเหล่าสาวกซีรีส์วาย
Heartstopperเธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น เป็นซีรีสที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพขายดีที่อังกฤษ เรื่องราวของ นิค กับ ชาร์ลี พวกเขาเริ่มรู้จักและเป็นเพื่อนกันในรั้วโรงเรียน ชาร์ลี เป็นเด็กหนุ่มที่มีความคิดที่เปิดเผย แม้ว่าสถานะเพศสภาพของเขาจะทำให้รู้สึกบั่นทอนต่อการอยู่ในสังคมโรงเรียน ในขณะที่ นิค หนุ่มนักกีฬาอยู่ในทีมรักบี้ของโรงรียน เขาเป็นคนร่าเริงและจิตใจอ่อนโยน โชคชะตาได้นำพาให้พวกเขาได้ถูกเลือกให้มานั่งเรียนติดกันและได้ทำความรู้จักกัน
แม้ว่าซีรีส์วายจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่กับฝั่งฮอลลิวูด แต่ประเด็นที่สอดแทรกในซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่แต่อย่างใด เพราะเราก็เคยเห็นซีรีส์ฝรั่งแนววัยรุ่นไฮสคูลมาเยอะแยะหลายเรื่อง เพียงแต่ประเด็นเหล่านี้ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ถูกหยิบขึ้นมาเป็นแกนหลักและคาแรกเตอร์หลักของเรื่องสักเท่าไหร่เลย ดังนั้น Heartstopperน่าจะเป็นซีรีส์ในกระแสหลักอีกเรื่องที่หยิบเอาเกย์มาเป็นตัวละครนำ ต่อจากความสำเร็จของซีรีส์ “Love, Victor” เมื่อปีก่อน
แน่นอนว่าซีรีส์วายของฝรั่งก็ยังคงวน ๆ อยู่กับประเด็นการค้นหาตัวเองของวัยรุ่นแบบเดิมเหมือนเคย เราอาจจะหาความแปลกใหม่ไม่ค่อยเจอสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเพศสภาพของตัว การเปิดเผยตัวตน หรือ การติดอยู่ในสังคมบูลลี่ในช่วงวัยรุ่น เป็นประเด็นซ้ำซากที่ต่างก็เคยได้ดูจากซีรีส์วัยรุ่นที่เคยเห็นทั่วไปตลอด 5-10 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยคาแรกเตอร์หลักของเรื่องนี้ที่มีความโดดเด่นเป็นตัวเอง จึงทำให้จุดนั้นเป็นไฮไลต์ที่ขับเสน่ห์ของเรื่องออกมา
ต้องยอมรับเลยว่า Heartstopperเป็นซีรีส์วัยรุ่นวัยค้นหาตัวตนที่มอบความรู้สึกและอารมณ์เหมือนกับช่วงแรกรัก คนสองคนที่กำลังดอดจีบและหว่านเสน่ห์หวานละมุน เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงความสัมพันธ์แบบแรกพบที่น่าจะเผลอทำให้คุณต้องเผลอปล่อยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เสน่ห์ของตัวละคร ชาร์ลี กับ นิค เต็มไปด้วยเคมีที่กลมกล่อมและลงตัวกำลังดี ค่อย ๆ ไต่ระดับความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างค่อยเป็นค่อนไปตามลำดับ
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป็นเพียงซีรีส์วายที่มีตัวละครเป็นชายรักชายเท่านั้น ยังมีการขยายวงกว้างเกี่ยวกับความหลากหลายได้อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างหญิงรักหญิง หรือความหลากหลายทางสีผิวและเชื้อชาติ ที่กลายเป็นองค์ประกอบและส่วนผสมที่บรรยายถ่ายทอดออกมาอย่างบรรจงตรงจังหวะ ตลอดทั้ง 8 ตอน กว่า 4 ชั่วโมงของซีรีส์เรื่องนี้
อีกหนึ่งจุดที่ต้องปรบมือให้เลยก็คือ 2 นักแสดงนำของเรื่อง ที่ถือว่าเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ แต่ศักยภาพกับฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ “คิท คอนเนอร์” อาจจะมีประสบการณ์มากกว่านิดหน่อย เพราะเขาเคยผ่านงานแสดงหนังและซีรีส์ต่าง ๆ มาได้ 5-6 ปีแล้ว และบทบาทนี้เขาก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้น่าพอใจ ในขณะที่ “โจ ล็อก” ที่รับบทเป็น ชาร์ลี คนนี้คือหน้าใหม่ และออดิชั่นมารับบทในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แต่เขาได้ฉายพรสวรรค์ออกมาได้อย่างน่าทึ่งไม่เบา
ในบรรดาความลงตัวของซีรีส์เรื่องนี้นั้น ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะ “อลิซ โอเซแมน” เจ้าของนิยายเรื่องนี้ ได้เข้ามาดูแลในสัดส่วนของเนื้อหาด้วยตัวเองทั้งหมด เธอเขียนบทซีรีส์ให้และร่วมนั่งเก้าอี้เป็นผู้สร้าง กับผู้กำกับฝีมือดี “อูรอส ลิน” (จากซีรีส์ Doctor Who) และนั่นจึงเป็นจุดที่ลงตัวของซีรีส์เรื่องนี้ เมื่อได้อยู่ในมือของนักสร้างสรรค์ตัวจริงมาปลุกปั้นเรื่องด้วยตัวเอง
โดยสรุปแล้ว อาจจะบอกได้ว่า Heartstopperเป็นซีรีส์ที่เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของวงการซีรีส์ฝั่งฮอลลิวูด มันอาจจะยังไม่ใช่ซีรีส์วายที่สมบูรณ์แบบในทุกองค์ประกอบ และไม่ได้มีความสดใหม่ในเนื้อหาอะไรเท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบกับซีรีส์แนวนี้ในบ้านเราที่กำลังก้าวไปไกลกว่า แต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์วายขายคู่จิ้น แต่กลับใส่เนื้อหาในการค้นหาตัวตนของตัวเองของวัยรุ่นเข้าไปได้อย่างลึกซึ่งและตรงไปตรงมาได้ดี
ทั้งจังหวะและท่วงทำนองของ Heartstopperอาจจะไม่ได้แตกต่างไปจากซีรีส์วัยรุ่นฝรั่งแนวนี้เรื่องอื่น ๆ แต่อย่างน้อยมันก็ยังช่วยทำให้คนดูได้กระชุ่มกระชวยหัวใจตามไปกราฟความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักอย่างมีแก่นแท้ ได้นักแสดงมีฝีมือมาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวให้น่ารักอยู่หมัดได้ดี และแค่ได้เห็นตัวแม่ อย่าง “โอลิเวีย โคลแมน” โผล่มาแบบเซอร์ไพรส์ ๆ ในเรื่องนี้ ก็ต้องทำให้คุณร้องว้าวได้แล้วล่ะ