เลขดี

Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

เขาคนนี้ก็น่าจะเป็นผู้กำกับหนังไทยที่เต็มไปด้วยลีลาและสไตล์ที่โดดเด่นที่สุดในวงการหนังไทยยุคนี้แล้วก็จะว่าได้ ผลงานชิ้นล่าสุดของ “เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ที่กลับมาพร้อมกับชิ้นที่แบกรับคอนเซ็ปต์เอาไว้อย่างหนักหน่วงกับ “Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ” ที่คงต้องบอกว่า…โจทย์ของหนังไม่ยาก แต่จะทำเล่าเรื่องและใช้กรรมวิธีอย่างไรให้ออกมายูนีค โจทยนี้จึงเหมาะเจาะกับการที่ได้อยู่ในมือนวพลเป็นอย่างยิ่ง

Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอเป็นเรื่องราวของ เกา แชมป์กีฬา Sport Stacking เจ้าของสถิติหัตถ์พระเจ้า 4.7 วินาที ที่เขาต้องพยายามรักษาสถิติและตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ให้ได้ด้วยการต้องสร้างสถิติใหม่ที่ทะเยอทะยานไปมากกว่านี้อีก ท่ามกลางคู่แข่งอันเก่งกาจและประมาทไม่ได้จากทั่วโลก แต่ปรากฏว่าศัตรตัวฉกาจของเขากลับไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัว มันกลับกลายเป็นภาระหน้าที่ต่าง ๆ ของคนวัยเลข 3 ต่างหาก และบัดนี้ชะตาชีวิตของเขาก็มุ่งหน้าด้วยความเร็วมาสู่…ทางแยก

ต้องยอมรับว่าเลยว่า ในช่วงเวลาที่นั่งดูหนังเรื่องนี้อยู่ในโรงภาพยนตร์ มันกลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ท่ามกลางการใส่มุกจิกกัดสนุก ๆ เข้ามารายทาง อารมณ์ที่ขำขันก็สอดแทรกมาด้วยดราม่าที่ทำให้รู้สึกเจ็บจึกเบา ๆ ความรู้สึกบางอย่างที่กระตุ้นให้ต่อมน้ำตาทำงานได้นิดหน่อย แต่ปรากฏว่าเมื่อหนังปิดฉากจบลงไป เมื่อเดินออกมาจากโรงแล้ว…กลับรู้สึกว่าว่างเปล่าแปลกชอบกล

  • Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอมีฉากเครดิตซ่อนอยู่ท้ายเรื่องไหม?
  • ส่องรายได้เปิดตัววันแรก หนังจีดีเอช “Fast and Feel Love” บอกเลยว่า..อาการหนัก

คงจะต้องอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่า Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอกลับมาสู่โหมดหนังที่ติดอยู่ระหว่างกึ่งกลางของหนังในกระแสกับหนังนอกกระแส ในรูปแบบฉบับของ เต๋อ นวพล ผู้นี้ที่มักจะมีสไตล์และลีลาการสร้างหนังในลักษณะนี้ออกมา กล่าวคือ…หนังเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับคนดูเฉพาะกลุ่มไปสักหน่อย ยังไม่ใช่หนังจีดีเอชที่สามารถจะเข้าถึงกลุ่มแมสได้ทุกกลุ่ม ทั้งที่ก็เป็นหนังตลกกับการเสียดสีสังคมหน่อย ๆ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงได้ง่ายดาย

Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

อันที่จริงก็แอบเชื่อนะว่า หลาย ๆ คนน่าจะเป็นเหมือนกันผู้เขียนกับความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ในแว่บแรก สารภาพเลยว่าครั้งแรกที่ได้เห็นทีเซอร์หนัง Fast and Feel Love เรื่องนี้นั้น ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายแบบนี้เช่นกัน เพราะมันต้องน่าตื่นตาและประหลาดแบบรวม ๆ กัน แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ทีเซอร์หนังพยายามสื่อสารออกมานั้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นทำให้รู้สึกอยากจะดูหนังเรื่องนี้สักเท่าไหร่ กลายเป็นความรู้สึกเฉย ๆ แบบดูก็ได้…ไม่ดูก็ไม่เป็นไรมากกว่า

และเมื่อมาลองสัมผัสกับเนื้อแท้ของ Fast and Feel Love จริง ๆ ก็พบว่าหนังก็มีเนื้อในที่ประหลาดนั่นแหละ แต่ยังอยู่ในจุดที่รับได้และสร้างความบันเทิงได้ในระดับที่พึงพอใจอยู่ แต่เพราะการใช้วิธีเล่าเรื่องในสไตล์ของนวพล ที่เป็นการสร้างความแปลกใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่หากเล่าธรรมดา ๆ ก็ไม่น่าจะอะไรจูงใจแม้แต่น้อย จึงขัดเกลาใส่จังหวะโบ๊ะบ๊ะเข้ามาในหนังเรื่องนี้ ผ่านความนึกคิดและอารมณ์ของตัวละครนั้น ๆ ที่ต้องบอกว่าไม่ได้ซับซ้อน แต่ก็ใช้เวลาในการเข้าถึง

ประเด็นของหนังค่อนข้างชัดเจน ในการตีแผ่เรื่องราวของคนเจนวายที่ปัจจุบันพวกเขาล้วนมีชีวิตอยู่ในช่วงวัยเลข 3 กันทั้งนั้น วัยที่กำลังแบกภาระหน้าที่และความหวังต่าง ๆ เอาไว้ในวัยที่สังคมขีดเอาไว้ให้ว่าเป็นวัยก่อร่างสร้างตัว แต่คนเจนวายยุคนี้มีแนวความคิดที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย พวกเขาไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางทั่วไปที่ใคร ๆ ก็ทำ แต่โจทย์ของพวกเขาคือความท้าทาย ที่บางครั้งมันก็ค่อนข้างปรับตัวเข้าได้ยากกับภาระหน้าที่ของตัวที่ไม่รู้จะผลักออกไปทางไหนดี

ดังนั้น เรื่องของกีฬา Sport Stacking ได้เข้ากลายเป็นเพียงองค์ประกอบเสริมหลักของหนังไปโดยปริยาย เพราะจริง ๆ นี่คือหนังชีวิตต่างหาก แต่หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าเสริมสร้างความรู้และวางพื้นฐานเกี่ยวกับกีฬา Sport Stacking ที่แน่นอนว่าแทบจะไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในเมืองไทยแน่ ๆ มันก็คือ “การเล่นสับแก้ว” ก็เท่านั้น แต่หนังสามารถขยี้และอธิบายถึงกีฬาชนิดนี้ได้อย่างน่าสนใจและพึงพอใจในระดับที่ดี

มาถึงแอคติ้งของหนัง Fast and Feel Love กันบ้าง แน่นอนว่าเราสัมผัสได้ตั้งแต่ในทีเซอร์หนังแล้วว่า จะต้องมีไดอะล็อกในการสื่อสารกันแบบประหลาด ๆ และก็มีปะปนอยู่ในเรื่องจริง ๆ แม้ว่าจะไม่ประหลาดไปทั้งหมด แต่ก็ชวนหลอนอารมณ์หลอนหูได้ในระดับที่ดี และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักแสดงจะได้มีโอกาสเล่นใหญ่จัดเต็ม “ณัฏฐ์ กิจจริต” กับ “ญาญ่า อุรัสยา” ก็คือคู่พระนางที่เคมีเข้ากันได้อย่างน่าแปลกประหลาด

พวกเขาทั้งคู่ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยชูหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ตลอดทาง โดยเฉพาะ ณัฏฐ์ กิจจริต ที่ต้องยกนิ้วให้กับอินเนอร์หลาย ๆ ฉาก ฉายแสงความเป็นนักแสดงที่แท้ทรูออกมาได้อย่างเปล่งประกาย แม้ว่าการแสดงของเขามันออกจะเว่อร์ ๆ ไปหน่อย แต่ก็ตามบทบาทที่ได้รับเอาไว้ ขณะที่ ญาญ่า อุรัสยา ถือว่าเป็นบทที่แปลกใหม่ของเธอที่ดีทีเดียว ไม่เคยเห็นเธอเล่นสไตล์นี้มาก่อน และก็ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่เบา ทั้งคู่เป็นนักแสดงที่สามารถสื่อสารผ่านอากัปกิริยาต่างๆ ได้ค่อนข้างดี

ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ นั้น ก็ถือว่าหนังตีโจทย์ออกมาได้ค่อนข้างดี สามารถสร้างสเน่ห์และมิติให้กับทุกตัวละครได้อย่างเด่นชัด แต่ที่ประทับใจมากที่สุดก็น่าจะต้องยกให้ “โปเต้ อนุสรา” ที่เข้ามาเป็นตัวขโมยซีนที่ดีในหนังเรื่องนี้ และทุกฉากทุกซีนที่เธอออกมานั้น เต็มไปด้วยจังหวะความบันเทิงที่ตรงจุด และการแสดงอันเป็นธรรมชาติและธรรมดาของเธอนั้น..คือพรสวรรค์โดยแท้

และอีกหนึ่งกิมมิคที่ Fast and Feel Love หยอดเอาไว้ตลอดทั้งเรื่องก็คือความพยายามล้อเลียนพวกหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ฮอลลิวูดฟอร์มใหญ่ต่างๆ ล้อหนังซูเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ล้อหนังแอคชั่นด้วยความคมคาย กลายเป็นหนังบู๊ที่ไม่ได้ล้างผลาญด้วยการระเบิดตู้มตาม แต่เป็นจังหวะและไดอะล็อกคมเฉียบของตัวละครมากกว่า หนังล้อเลียนตั้งแต่ฉากเปิด…ไปจนถึงฉากสุดท้าย ไล่เรียงไปถึงเอ็นเครดิตท้ายเรื่อง นี่จึงเป็นหนังที่มีความแสบสันต์อยู่มาก ๆ

เอาเป็นว่าโดยรวมแล้ว ก็ยังครุ่นคิดอยู่ไม่ตกเลยว่า Fast and Feel Love เรื่องนี้ ควรจะรู้สึก ชอบ หรือ ไม่ชอบ ดีกันแน่? เพราะหนังก็ไม่ใช่ว่าจะดีเลิศสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลยแม้แต่น้อย มันอาจจะเป็นหนังดราม่าแนวใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสันประหลาด ๆ ที่แน่นอนว่าเข้าถึงยากมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แม้ว่าหลังจากดูหนังจบลงไปแล้วจะไม่ค่อยรู้สึกผูกพันกับตัวหนังสักเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ประหลาดดีในแวดวงหนังไทยดีเหมือนกันนะ

ตัวอย่างหนัง Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *