Amulet ชีปีศาจ
Amulet ชีปีศาจ
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังเขย่าขวัญที่ดูน่าสนใจมากๆ ที่ส่งตรงมาลงโรงฉายบ้านเราตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้กับ “Amulet“ หรือที่มีการตั้งชื่อไทยได้อย่างสะดุดหูว่า “ชีปีศาจ” หนังที่เคยเป็นที่อื้ออึงจากการพรีเมียร์ฉายในเทศกาลหนังซันแดนซ์มาแล้ว ความสะพรึงที่เกิดขึ้นในหนังที่จะทำให้ผู้ชมเปลี่ยนแนวคิด เพียงแค่อยากจะบอกว่า…อย่าปล่อยให้ชื่อหนังและทีเซอร์ตัวอย่างคอยแกงเราได้เสมอ และพร้อมตั้งรับ…ที่จะดื่มด่ำไปกับหนังเรื่องนี้ด้วย
Amulet ชี ปีศาจ เป็นเรื่องราวหลังจากที่ โทมาส อดีตทหารผ่านศึกที่ถูกทอดทิ้ง กลายมาเป็นคนไร้บ้าน เขาได้รับความช่วยเหลือจาก ซิสเตอร์แคลร์ แม่ชีปริศนาที่อาสาหาบ้านอุปการะให้กับเขา โทมาสจึงได้เข้าไปอาศัยบ้านร่วมกับ แม็กดา หญิงสาวผู้ที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ป่วยติดเตียงเพียงลำพังในบ้านที่บรรยากาศน่าขนลุก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งผิดปกติเริ่มเกิดขึ้น มีบางอย่างกลับไม่ชอบมาพากล เสียงปริศนาจากชั้นบนของบ้าน ซึ่งเป็นห้องพักของหญิงชราป่วยใกล้ตาย โทมาสจึงได้สวดภาวนากับเครื่องรางลึกลับที่เขาเก็บได้จากการออกรบ เพื่อให้แต่ละวันภายในบ้านผ่านพ้นไป แต่กว่าที่เขาจะรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความอาถรรพ์จากปีศาจร้าย ทุกอย่างก็สายเกินไป หนทางเดียวที่จะรอดชีวิตคือต้องเผชิญหน้ากับความตาย
ที่เกริ่นเอาไว้ว่า “พร้อมตั้งรับ” นั้น เพราะว่า Amulet ชี ปีศาจ ต้องไม่ใช่หนังในรูปแบบที่คุณคิดแน่ๆ ความน่าสนใจต่างๆ ทั้งจากชื่อหนังและทีเซอร์ของหนังที่ปล่อยออกมานั้น ไม่เชิงหลอกเราเสียทีเดียว แต่เพียงแค่มันถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมดไม่ไดนั้นเอง เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้เชิงจะเป็นหนังผี หรือหนังสยองขวัญ แต่เป็นหนังเขย่าขวัญที่ค่อยๆ ไต่ระดับอารมณ์ขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมกับวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ได้เหมาะกับคนดูทุกประเภท
Amulet เล่าเรื่องราวไปทีละช้าๆ แบบสโลว์มูฟเมนต์ ที่เป็นแกนหลักในการสร้างความน่าอึดอึดใจให้กับผู้ชมทีละน้อย แต่การเล่าเรื่องช้าๆ เช่นนี้ก็ทำให้หนังดูเนิบช้าเกินไป และเหมือนกับวนเวียนเสียเวลาอยู่กับอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้รับความกระจ่างเสียที กลายเป็นบรรยากาศแห่งความเงียบงันและชวนง่วงนอนไปตลอดรายทาง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นหลับปุ๋ย…เพราะประเด็นที่หนังทิ้งไว้ก็พอให้ชวนค้นหาอยู่
กว่าหนังจะมาจุดไฟติดก็น่าจะเป็นช่วงท้าย ช่วงประมาณ 15 นาทีสุดท้ายของเรื่อง กลายเป็นบทสรุปที่ถือว่าพลิกสถานการณ์และปิดฉากลงได้ค่อนข้างน่าพอใจอยู่ไม่น้อย มีทั้งเหตุการณ์พลิกผัน ปมหักมุมที่คนดูอาจจะพอจับทางได้กันตั้งแต่เนิ่นๆ บ้างแล้ว ถึงแม้จะเรื่อยๆ มาเรียงๆ ช้าเนิบไปสักหน่อย แต่จุดไคลแม็กซ์ของหนังเรื่องนี้ก็พอจะชวนลบล้างความสโลว์เกินตัวของหนังไปได้อยู่นิดหน่อย
งานกำกับของ “โรโมล่า กาไร” ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ เธอมีมุมมองในการนำเสนอที่ค่อนข้างประหลาด แต่กลับรู้สึกน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน แม้ว่างานเขียนบทหนังเรื่องนี้เองของเธออาจจะยังไม่จุดบกพร่องอยู่ในแง่ต่างๆ บ้าง แต่เมื่อนำทุกองค์ประกอบมาต่อรวมกันก็ถือว่าทุกอย่างยังค่อนข้างสมเหตุสมผลในตัวมันเองอยู่เหมือนกัน
ขณะที่เรื่องนี้ใช้บริการนักแสดงโนเนมที่ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงมาแบกหนังทั้งเรื่อง ก็ถือว่าเป็นความสดใหม่และองค์ประกอบที่น่าพอใจกับการแสดงของทั้ง 2 นักแสดงนำ “คาร์ลา จูรี” กับ “อเล็กซ์ เซคาเรนู” ที่ทั้งคู่ถือว่าประคับประคองหนังไปได้ตลอดรอดฝั่ง ส่วนคุณป้า “อิเมลด้า สทอนตัน” ที่โปรโมตอย่างกับเป็นนักแสดงนำ จริงๆ มีซีนแค่เพียงนิดเดียว แต่เธอก็เป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดของเรื่องเช่นเดียวกัน
โดยภาพรวมแล้ว Amulet คงจะไม่ใช่หนังเขย่าขวัญที่ถูกจริตและเหมาะกับผู้ชมทุกประเภท หนังมีความอินดี้เฉพาะตัวอยู่ค่อนข้างสูง แม้ว่าหน้าหนังจะชวนทำให้นึกเป็นหนังผีแม่ชี แต่บอกเลยว่า…ไม่ใช่แบบที่คิดแน่นอน หนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรมมากมายที่ให้ผู้ชมได้คิดวิเคราะห์ตาม ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบช้าๆ กินเวลาไปเกือบ 80 เปอร์เซนต์ของเรื่อง แต่ทุกอนูในนั้นต่างซ่อนเอาไว้ด้วยการเฉลยคำตอบเอาไว้อยู่
ไม่เท่านั้น ซาวน์ดนตรีประกอบในหนังเรื่องนี้ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ชวนทำให้หลอนสะพรึงและขนลุกซู่ได้แบบอัตโนมัติ พูดได้เลยว่า Amulet อาจจะเป็นหนังเฉพาะแนวที่ไม่น่าจะถูกจริตกับคอหนังทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่ในแง่การตีความนั้น หนังถือว่าสอบผ่าน รวมทั้งไคลแม็กซ์ที่ใส่เต็มมาทั้งเลือดทั้งเนื้อก็คือความสะใจสุดสยอง หนังถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างใช้ได้ แต่การเล่าเรื่องยังต้องตั้งรับเอาไว้หน่อย