Under the Open Sky
Under the Open Sky
นี่คือโปรแกรมหนังที่ทำหน้าที่ฉายเปิดเทศกาลหนังญี่ปุ่นปีนี้ของไทย หรือ Japan Film Festival 2022 #JFF2022 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ กับหนังดราม่าสะท้อนสังคม Under the Open Skyที่ตระเวนฉายไปตามเทศกาลหนังมาแล้วทั่วโลก และกำลังลุ้นรางวัลจากเวที Japan Academy Film Prize ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้อยู่ด้วย ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างโดนใจผู้ชมได้ไม่ยาก กับโอกาสที่ 2 ของคนที่เคยทำผิดพลาดและความหวังที่จะได้รับการยอมรับในปัจจุบัน จึงกลายออกมาเป็นหนังที่สอนชีวิตกันและกันได้เป็นอย่างดี
Under the Open Skyเล่าเรื่องราวชีวิตของ มิคามิ อดีตสมาชิกแก๊งยากูซ่า ที่ต้องถูกจองจำรับโทษติดคุกมา 13 ปี ในคดีฆาตกรรม และปัจจุบันเขากลายเป็นชายวัยกลางคนที่เพิ่งจะพ้นโทษ กลับมาสู่โลกภายนอกอีกครั้งที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากนับตั้งแต่วันที่เขาเข้าไป เขาได้ส่งจดหมายไปให้รายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เพื่อให้ช่วยตามหาแม่ที่ทอดทิ้งให้เขากำพร้าตั้งแต่วัยเด็กๆ ทำให้ได้พบกับผู้กำกับ ทสึโนดะ ที่สนใจในเรื่องราวชีวิตของมิคามิ
ในขณะเดียวกัน มิคามิก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการกลับเข้าสู่สังคมครั้งใหญ่ เขาที่มีประวัติด่างพล้อยกับคดีที่ติดตัว การจะลุกขึ้นยืนในสังคมทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ขอแค่เพียงมีโอกาสที่จะให้เขาได้หยิบคว้า เขาจึงต้องพยายามอย่างหนักในการปรับความเข้ากับสังคมและความเปลี่ยนแปลง แม้ว่าการดำรงชีวิตอยู่เพียงลำพังไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะต้องออกหางานทำที่ไม่น่าจะมีใครจะให้โอกาสสักเท่าไหร่นัก แต่จุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของอดีตคนคุกก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…
นี่คือผลงานชิ้นล่าสุดของผู้กำกับหญิง “มิวะ นิชิกาว่า” (จาก Dear Doctor) ที่เธอยังรับหน้าที่ดัดแปลงเขียนบทหนังด้วยตัวเอง โดยอิงมาจากหนังสือของ เรียวโซะ ซากิ ที่อ้างอิงมาจากเค้าโครงประสบการณ์จริงของนักเขียนที่เคยพานพบมา ต้องว่าหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างใช้สูตรสำเร็จสไตล์หนังญี่ปุ่นเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักค่อนข้างเยอะ แต่หนังก็เป็นส่วนช่วยที่ทำให้หนังเพลินไปตลอดทั้งเรื่อง กับเนื้อหาที่ยังก็สะกิดใจและกินใจผู้ชมได้ไม่ยากอยู่แล้ว
หนังที่ยืนเรื่องหลักด้วยคาแรกเตอร์อดีตยากูซ่าที่ต้องการโอกาสครั้งใหม่ในสังคม เพียงเท่านี้ก็เป็นพล็อตที่น่าสนใจ และการเล่าเรื่องของหนังก็ถือว่าดำเนินไปตามสูตรและร้อยเรียงออกมาเป็นหนังดราม่าที่ให้แง่คิดและแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้อยู่ไม่น้อย แต่หนังก็ยังสะท้อนถึงแนวคิดของสังคม โดยเฉพาะปัญหาความเหลือมล้ำและการมอบโอกาสใหม่ให้กับอดีตคนที่เคยทำผิดพลาด ในปรับปรุงตัวกลับเข้าสู่สังคมอีกครั้ง
เป็นดั่้งที่ในหนังมักจะกล่าวเสมอว่า “ผู้ต้องขังที่พ้นโทษจากเรือนจำออกมา ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับโอกาสให้เข้ากับสังคม จึงกลายเป็นว่าพวกเขาต้องเลือกกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม และไม่เกิน 5 ปีก็ต้องกลับมานอนคุกเป็นวังวนเดิม” ก็นับว่าเป็นประโยคที่ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด และหนังเรื่องนี้ก็ได้พยายามชี้ให้เห็นว่า “ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่ได้รับโอกาสใหม่เสมอ”
นักแสดงรุ่นใหญ่ “โคจิ ยาคุโช” คือแบกรับหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้สบายๆ สไตล์การแสดงอันเป็นธรรมชาติของเขาเป็นเสน่ห์อย่างดี มีทั้งจังหวะเล่นใหญ่เล่นเล็กปะปนกันไป และก็ถ่ายทอดอารมณ์และกับชีวิตของคนมีประวัติได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการแสดงผ่านสีหน้าและแววตาของเขา นับว่าออกมาเป็นซีนที่ยอดเยี่ยมอยู่หลายฉากเลยทีเดียว
อีกคนที่ไม่ควรมองข้ามไปก็คือ “ไทกะ นากะโนะ” นักแสดงหนุ่มยอดฝีมืออีกคน ที่สมศักดิ์กับการเป็นลูกชายนักแสดงเจ้าบทบาทจริงๆ ถึงแม้ว่าองค์ประกอบในตัวละครของเขาในเรื่องนี้จะไม่ได้มีมิติอะไรมากนัก แต่เทคนิควิธีที่เข้างัดมาใช้ในการออกแบบการแสดงในหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมนับว่าส่วนหนึ่งก็ได้ดีเพราะบทส่งเสริมคาแรกเตอร์ของเขาดีด้วย
โดยภาพรวมแล้ว Under the Open Skyถือว่าเป็นหนังดราม่าที่มีการใส่ความเป็นญี่ปุ่นอยู่พอประมาณ แต่ด้วยเนื้อหาและโครงเรื่องที่น่าสนใจและกินใจได้ไม่ยาก จึงกลายเป็นส่วนเชื่อมและจุดประกายให้กับผู้ชมรู้สึกเพลินไปด้วยตลอดทาง แม้ว่าหนังจะไม่ได้มีความโดดเด่นประทับใจอะไรมากเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยๆ หนังก็ได้สอดแทรกประเด็นและมุมมองปัญหาสังคมอีกแง่หนึ่ง ที่เป็นเครื่องเตือนใจและสะท้อนกลับมาหาผู้ชม…กับการพินิจพิเคราะห์ที่จะอ้าแขนให้โอกาสครั้งใหม่กับคนที่เคยผิดพลาดอีกครั้งให้ได้ไตร่ตรองดู
ตัวอย่างหนัง Under the Open Sky