7อันดับวิธียกกระชับหน้าที่ดีที่สุด
เรื่องผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ เรียกได้ว่าเป็นปัญหากวนใจของคนทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุมาก ความหย่อนคล้อยก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเพราะผิวหนังและกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแอลง ส่วนคนที่อายุยังน้อยนั้นก็มีปัญหาความหย่อนคล้อยได้เช่นกัน อาจเกิดจากพันธุกรรม การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ดี
ออกกำลังกายบริหารเหนียง
การออกกำลังกายบริหารเหนียงจะช่วยกระชับใบหน้าได้ เพราะจะช่วยเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ใต้คาง และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้คางแข็งแรงขึ้นซึ่งส่งผลให้ผิวกระชับขึ้นได้นั่นเอง มาดูเทคนิคบริหารเหนียงกันว่ามีท่าอะไรบ้างและทำอย่างไรบ้าง
ท่าออกกำลังกายลดเหนียงที่แนะนำ
- ท่ายืดกรามหรือดันกราม เป็นท่าที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อใต้คาง เริ่มต้นจากการเงยหน้ามองเพดาน แล้วพยายามดันกรามด้านล่างให้ได้มากที่สุดจนรู้สึกตึง ทำท่าค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วค่อยคลายความตึงกลับสู่ท่าหน้าตรงปกติ หวยเด็ดงวดนี้ ทำท่านี้ 10 ครั้ง สามารถเพิ่มความท้าทายได้ด้วยการเงยหน้ามองเพดานแล้วเอียงคอไปทางซ้ายหรือทางขวา แล้วค่อยดันกรามให้ตึงได้
- ท่าจูบอากาศ จะคล้ายกับท่าแรกโดยเริ่มต้นที่การเงยหน้าขึ้น แล้วทำท่าจูบเหมือนกำลังจูบอากาศโดยยื่นปากออกไปให้มากที่สุดจนรู้สึกตึง ค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อยกลับสู่ท่าหน้าตรงปกติ ทำท่านี้ 15 ครั้ง
- ท่าแลบลิ้น ไม่น่าเชื่อว่าการแลบลิ้นก็สามารถช่วยลดเหนียงได้ เริ่มต้นด้วยการหันหน้าตรงแล้วแลบลิ้นให้ยาวที่สุด จากนั้นพยายามใช้ลิ้นแตะจมูก ทำค้างไว้ 10 วินาที แล้วกลับสู่สภาพปกติ หรือสามารถเปลี่ยนจากการแลบลิ้นแตะจมูกเป็นแตะคางก็ได้เช่นกัน ซึ่งท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณใต้คางได้ ทำท่านี้ 10 ครั้ง
- ท่ายืดคอ เริ่มต้นด้วยการเงยหน้าขึ้นให้ตึง แล้วใช้ลิ้นชนที่เพดานปาก ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วค่อยคลายท่ากลับมาหน้าตรงปกติ ทำท่านี้ 10 ครั้ง เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้คางได้แล้ว
- ท่าหมุนคอติดอก เริ่มต้นจากการก้มหน้าให้คางติดกับอก แล้วหมุนคอไปทางซ้ายอย่างช้าๆ ค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อยหมุนคอไปทางขวา ค้างไว้อีก 5 วินาที ทำจำนวน 30 ครั้ง ท่านี้จะทำให้เกร็งและได้ออกแรงที่กล้ามเนื้อใต้คางซึ่งช่วยลดเหนียงได้
- ท่าดันลิ้นแตะฟัน เริ่มต้นด้วยการมองตรงไปข้างหน้า อ้าปากกว้างๆ แล้วใช้ลิ้นดันไปที่ด้านในฟันล่าง จากนั้นหายใจเข้าอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ หายใจออกพร้อมกับออกเสียงอายาวๆ ทำแบบนี้ 1 นาที ก็จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อใต้คอได้
- ท่าตบใต้คาง ใครที่ไม่อยากเกร็งเยอะๆ ลองใช้วิธีตบใต้คางเพื่อลดเหนียงได้ เพียงแค่หันหน้าตรงปกติ แล้วใช้หลังมือตบไปที่ใต้คางด้วยแรงที่พอดี ไม่ตบเบาหรือแรงจนเกินไป ตบอย่างต่อเนื่องประมาณ 30 วินาที เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เหนียงกระชับขึ้นได้แล้ว
- ท่าบริหารด้วยลูกบอล ถ้าหากมีลูกบอลออกกำลังกายอยู่แล้ว สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยกระชับเหนียงได้ ด้วยการวางบอลออกกำลังกายไว้ที่พื้นแล้วใช้คางกดลูกบอลไว้ ทำท่านี้ทุกวัน วันละ 25 ครั้ง จะช่วยกระชับผิวใต้คางได้
ข้อดี-ข้อเสียของการออกกำลังกายลดเหนียง
รู้ท่าออกกำลังกายบริหารเหนียงกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นท่าง่ายๆ หวยงวดนี้ ออกอะไร ใครที่อยากยกกระชับหน้าก็สามารถเลือกใช้ท่าเหล่านี้ได้เลยตามความถนัดของตัวเอง แต่การออกกำลังกายบริหารเหนียงก็มีเรื่องที่ควรระวังอยู่เช่นกัน มาดูข้อดีและข้อเสียของการออกกำลังกายลดเหนียงกันได้เลย
ข้อดี
- เป็นท่าบริหารง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก สามารถทำได้ทุกคน
- ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่าย
- นอกจากจะช่วยลดเหนียงให้กระชับแล้ว ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อส่วนคอด้วย
ข้อเสีย
- ถึงจะเป็นท่าบริหารง่ายๆ แต่ถ้าหากออกกำลังกายผิดวิธีหรือทำอย่างหักโหมมากเกินไปก็อาจเกิดการบาดเจ็บได้
- เห็นผลได้ช้า ใช้เวลานาน ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
- เหนียงที่เกิดจากพันธุกรรมอาจจะไม่เห็นผล
นวดหน้า และเลือกใช้ Skin Care กลุ่มยกกระชับ
การนวดหน้าก็เป็นอีกหนึ่งวิธีธรรมชาติที่ช่วยยกกระชับหน้าได้ เพราะมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งแรงขึ้น ซึ่งสามารถใช้มือนวดหรือเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับการนวดหน้าก็ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าการนวดหน้าควบคู่ไปกับการใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับแล้วล่ะก็จะเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ผลิตภัณฑ์แนะนำสำหรับการนวดหน้า
อย่างที่บอกไปว่าการนวดหน้าควบคู่กับการใช้สกินแคร์ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หวยออนไลน์ ถ้าอย่างนั้นมาดูผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการนวดหน้ากันดีกว่า
- เครื่องนวดหน้า แน่นอนว่าการนวดหน้าด้วยมือเปล่าสามารถทำได้ แต่การใช้เครื่องนวดหน้าจะช่วยผลักสกินแคร์ให้เข้าสู่ผิวได้มากกว่า อีกทั้งเครื่องนวดบางรุ่นยังมีฟังก์ชันที่ช่วยขัดผิวด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวมากขึ้นแล้ว ยังช่วยทำความสะอาดล้ำลึกและสร้างความผ่อนคลายให้กับผิวหน้าได้ด้วย เครื่องนวดหน้าที่แนะนำก็จะเป็นของแบรนด์ดังอย่าง FOREO รุ่น LUNA 3 เพราะมีดีไซน์การนวดที่กว้างและล้ำลึก มีทั้งโหมดทำความสะอาดผิวหน้าและโหมดนวดกระชับใบหน้าด้วย ช่วยให้ใบหน้าผ่อนคลายและสุขภาพดีขึ้น
- ครีมแอนตี้-เอจจิ้ง สกินแคร์ที่เหมาะกับการยกกระชับควรเลือกเน้นไปที่กลุ่มแอนตี้-เอจจิ้ง ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และวิตามินเออย่างเรตินอล และส่วนผสมที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวด้วย ขอแนะนำสกินแคร์ตัวเด่นอย่าง Origins A Perfect World Age-Defense Moisturizer With White Tea SPF 40 ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระจากชาขาว พร้อมช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ยาวนานขึ้น
ข้อดี-ข้อเสียของการนวดหน้ายกกระชับ
การยกกระชับหน้าด้วยการนวดนั้นมีข้อดีอยู่มากมาย แต่ก็มีข้อเสียหรือสิ่งที่ต้องระวังอยู่หลายอย่างด้วยเช่นกัน มาดูกันว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไรกันบ้าง
ข้อดี
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและต่อมน้ำเหลือง
- ช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวมากขึ้น
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวและขจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าที่ก่อให้เกิดสิวได้
- ช่วยทำให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า
- ช่วยป้องกันริ้วรอย ลดความหมองคล้ำ และกระชับใบหน้าได้
ข้อเสีย
- การนวดและทาครีมเป็นการยกกระชับแค่ภายนอกเท่านั้น อาจช่วยกระชับไม่ได้มาก
- อาจมีสิ่งสกปรกตกค้างบนใบหน้าหากไม่ล้างมือหรือทำความสะอาดเครื่องนวดหน้าให้ดี
- การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงใช้สกินแคร์ที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ใบหน้าเสียหายได้
ร้อยไหมลิฟต์กรอบหน้า
ถ้าพูดถึงวิธียกกระชับหน้าแล้ว หลายๆ คนคงนึกถึงการร้อยไหมอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ บนใบหน้าได้ ทั้งลดความหย่อนคล้อย จัดกรอบหน้าให้เข้ารูป และช่วยลดริ้วรอย
ซึ่งการร้อยไหมนั้นมีหลักการทำงานโดยใช้เข็มนำเส้นไหมมาร้อยเข้าที่ชั้นใต้ผิวหนังบนใบหน้าเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนให้มาล้อมรอบที่ไหม หลังจากนั้นไหมจะสลายไป เหลือไว้เพียงแค่คอลลาเจนที่ผิวสร้างไว้เท่านั้น คอลลาเจนที่เหลืออยู่ก็จะเป็นตัวฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียบเนียน เต่งตึง และกระชับใบหน้าได้นั่นเอง
ข้อดี-ข้อเสียของการร้อยไหมยกกรอบหน้า
วิธีการร้อยไหมไม่เพียงแค่ยกกระชับหน้าแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวในระดับชั้นใต้ผิวหนังด้วย แต่หลายๆ คนยังมีความกังวลเกี่ยวกับสารตกค้าง ความเจ็บปวด และผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ออ น ไล บอล สด และแนะนำให้ศึกษาข้อดีข้อเสียของการร้อยไหมเสียก่อน ซึ่งจะมีดังนี้
ข้อดี
- ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ยกกระชับกรอบหน้าให้ชัดขึ้น พร้อมช่วยให้ผิวเรียบเนียนและลดริ้วรอยอีกด้วย
- เป็นการฟื้นฟูในระดับชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวสุขภาพดีจากภายใน จึงได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดและอยู่ได้นาน
- ใช้ไหมที่ละลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- บวมช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
ข้อเสีย
- ต้องดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำการร้อยไหม โดยเฉพาะหลังร้อยไหมจะรู้สึกตึงและไม่สามารถขยับหน้ามากๆ ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
- ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวเข็ม
- ไหมแต่ละชนิดมีราคาแตกต่างกันไป ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงได้
- หากทำหัตถการในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีความเสี่ยงที่จะหน้าพังหรือเกิดผลข้างเคียงรุนแรง
ทำหัตถการกลุ่ม ฉีดสารกระตุ้น, Mesofat และ Hifu
การฉีดสารกระตุ้น Type A คือ สารสกัดจากแบคทีเรียที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะฉีดเข้าไปตามจุดบนใบหน้า ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว เมื่อขยับกล้ามเนื้อน้อยลงจะทำให้ผิวหนังเต่งตึงและกระชับขึ้น พร้อมช่วยลดริ้วรอยและรอยย่นบนใบหน้าด้วย
Mesofat คือ การฉีดสารที่ช่วยสลายไขมันลงไปในชั้นไขมัน โดยสารที่ฉีดเข้าไปจะทำให้ไขมันแตกตัว แลัวไขมันนั้นจะขับออกจากทางระบบขับถ่าย เป็นการลดไขมันเฉพาะจุด โดยส่วนใหญ่จะฉีด Mesofat เพื่อลดแก้มและลดเหนียง ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงและกระชับขึ้น
Hifu หรือ High Intensity Focused Ultrasound เป็นวิธียกกระชับหน้าด้วยการใช้เครื่องมือที่ส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงลงไปยังชั้นผิวหนัง SMAS ส่งผลให้ผิวหนังชั้นไขมันและชั้น SMAS ตึงขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี
สังเกตได้ว่าการทำหัตถการกลุ่มฉีดสารกระตุ้น, Mesofat และ Hifu ยูฟ่าเบท168 จะมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ไม่ต้องเตรียมตัวมาก สามารถทำได้เลยและใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งยังใช้เวลาพักฟื้นน้อย เรียกได้ว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เปลี่ยนใบหน้าหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นได้ ดังนั้นหัตถการกลุ่มนี้จึงได้รับความนิยมอย่างสูง
ข้อดี-ข้อเสียของการยกกระชับหน้าด้วยการฉีดสารอ
หลายๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องการฉีดสารกระตุ้น กันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นวิธียกกระชับที่คนนิยมทำสูงมาก ถึงขั้นมีการผลิตสารกระตุ้น ปลอม และมีหมอเถื่อนที่ฉีดสารกระตุ้น ให้โดยไม่มีใบอนุญาต ทำให้คนส่วนใหญ่มีความคิดเชิงลบกับการฉีดสารกระตุ้น แต่จริงๆแล้วการฉีดสารกระตุ้น ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ลองมาดูข้อดีและข้อเสียของการฉีดสารกระตุ้น กันเลยดีกว่า
ข้อดี
- ช่วยทั้งยกกระชับ ปรับกรอบหน้า ลดกราม ลดริ้วรอย หรือใช้ในการรักษาไมเกรนได้
- ใช้เวลาฉีดไม่นาน และเห็นผลไว
- ราคาไม่แพง
- บวมช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน
ข้อเสีย
- เห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจนเท่ากับการร้อยไหม จึงเหมาะกับคนที่ต้องการปรับหน้าเพียงเล็กน้อย
- การฉีดสารกระตุ้น อยู่ได้ไม่นาน ต้องฉีดเติมเรื่อยๆ
- ไม่เหมาะกับคนกลัวเข็ม
- หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือการฉีดสารกระตุ้น คุณภาพไม่ดี อาจทำให้หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวได้
ข้อดี-ข้อเสียของการยกกระชับหน้าด้วย Hifu
Hifu ก็เป็นวิธียกกระชับหน้าที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน เพราะไม่ต้องใช้เข็มหรือต้องผ่าตัด ทำให้หลาย คนเลือกใช้วิธีนี้ แต่ก่อนจะทำนั้น ชวนมาดูข้อดีและข้อเสียของการใช้ Hifu กันก่อนดีกว่า
ข้อดี
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือร่องต่างๆ ที่ไม่มาก
- คนกลัวเข็มหรือกลัวการผ่าตัดสามารถใช้วิธีนี้แทนได้
- สามารถทำได้บ่อยตามที่ต้องการ
- ใช้เวลาทำไม่นาน และเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ข้อเสีย
- ขณะทำ Hifu อาจมีความรู้สึกเจ็บ หรือปวด ในชั้นผิวหนัง
- ในบางรายอาจมีผลข้างเคียง เช่น เกิดรอยบวมแดง มีผื่นแดง หรือเมื่อยตึงที่ใบหน้า
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาด้านผิวหนัง เช่น มีแผลคีลอยด์ มีแผลเปิด หรือมีการฝังโลหะในผิวหนัง
ข้อดี-ข้อเสียของการยกกระชับหน้าด้วย MesoFat
Mesofat ก็เป็นวิธียกกระชับหน้าที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะลดไขมันส่วนเกินกันทั้งนั้น แต่วิธีการนี้จะดีอย่างที่ว่าจริงๆ หรือไม่ ลองมาศึกษาข้อดีข้อเสียของ Mesofat กันได้เลย
ข้อดี
- ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ทำให้หน้าเข้ารูปสมสัดส่วนได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้เวลาการฉีดไม่นาน
- เห็นผลลัพธ์ได้ไว
- บวมช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน หรือไม่ต้องพักฟื้นเลย
- ราคาไม่แพง
ข้อเสีย
- ไม่แนะนำให้ทำในบริเวณที่มีไขมันมาก หรือในคนที่มีไขมันมาก เพราะทำให้ต้องใช้ยาในปริมาณมาก
- Mesofat หลายตัวยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. และยังไม่มีการวิจัยรับรองว่าสามารถกำจัดไขมันได้จริง
การทำ Thermage
Thermage คือการใช้เครื่องมือส่งคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียวเข้าไปยังผิวหนังชั้น SMAS ทำให้เกิดการหดตัวของชั้นผิว ลดเนื้อไขมัน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวจึงเต่งตึงขึ้น กลับมากระชับได้อีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับการทำ Hifu นั่นเอง แต่แตกต่างกันตรงที่ขนาดของจุดโฟกัส โดย Thermage จะส่งพลังงานเป็นก้อนที่ใหญ่กว่า แต่จะส่งพลังงานแบบไร้ทิศทาง ส่งผลให้เกิดการหดตัวของผิวหนังได้อย่างครอบคลุมทั่วทุกจุดบนใบหน้าได้มากกว่า
ข้อดี-ข้อเสียของการทำ Thermage
แม้การทำ Thermage จะคล้ายกับการทำ Hifu แต่ก็มีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าข้อดีและข้อเสียของการยกกระชับหน้าด้วย Thermage นั้นมีอะไรบ้าง
ข้อดี
- โดดเด่นในเรื่องการลดเนื้อไขมัน ลดริ้วรอย ลดรูขุมขน และแก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่นได้ในระยะยาว
- ใช้เวลาทำไม่นาน สะดวกรวดเร็ว
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Thermage เป็นวิธีการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง
ข้อเสีย
- ขณะทำ Thermage จะมีอาการเจ็บ ปวดตึงๆ มากกว่าการทำ Hifu
- หลังทำเสร็จอาจเกิดรอยแดงหรือรอยนูน ซึ่งสามารถหายเองได้หลังจากนั้น 1-2 ชั่วโมง
- อาจเกิดผิวไหม้ หรือใบหน้าเบี้ยวจากการที่ใช้ครื่องคุณภาพต่ำ หรือแพทย์กำหนดคลื่นพลังงานไม่เหมาะสม
การทำ Ulthera
Ulthera คือเครื่องปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง (High Intensity Focused Ultrasound) โดยจะส่งคลื่นลงไปยังผิวหนังชั้น SMAS เพื่อให้เกิดการหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยกกระชับขึ้น ลดริ้วรอย และร่องลึก พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและอ่อนเยาว์มากขึ้น
จริงๆ แล้ว Ulthera นั้นใช้คลื่นพลังงานเดียวกับการทำ Hifu แต่แตกต่างกันตรงที่ Hifu สามารถใช้เครื่องมือยี่ห้อใดก็ได้ แต่คลื่นพลังจะไม่เสถียรและไม่สม่ำเสมอ แต่ Ulthera คือการใช้เครื่องยี่ห้อ Ulthera เท่านั้น ซึ่งจะมีความเสถียร และแม่นยำ อีกทั้งยังส่งพลังงานสม่ำเสมอมากกว่า
ข้อดี-ข้อเสียของการทำ Ulthera
Ulthera กับ Hifu แม้จะใช้คลื่นพลังเดียวกัน แต่ก็มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน มาดูข้อดีและข้อเสียของการยกกระชับหน้าด้วย Ulthera ซึ่งมีดังต่อไปนี้
ข้อดี
- เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูง
- เหมาะสำหรับคนกลัวเข็มหรือกลัวการผ่าตัด
- สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 8-12 เดือน
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ข้อเสีย
- ขณะทำ Ulthera จะรู้สึกเจ็บๆ ปวดๆ แม้ว่าจะใช้ยาชาแล้วก็ตาม
- บางรายมีอาการบวมแดง หรือรอยแดง ซึ่งสามารถหายได้ภายใน 1 ชั่วโมง
- มีราคาสูง
โยคะยกกระชับผิว
พูดถึงโยคะแล้ว หลายๆ คน คงนึกถึงการยืดแขนยืดขาที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่าใบหน้าก็สามารถทำโยคะได้เช่นกัน ซึ่งจะแตกต่างจากการออกกำลังกายบริหารเหนียงตรงที่โยคะใบหน้าจะเน้นทำเพื่อความผ่อนคลาย โดยอาศัยการควบคุมลมหายใจร่วมด้วย มาดูตัวอย่างท่าที่ใช้สำหรับการทำโยคะเพื่อยกกระชับผิวกันได้เลย
- ท่าหายใจคลื่นทะเล เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก จากนั้นหายใจออกทางปากร่วมกับการออกเสียงอา ให้เกิดการสั่นสะเทือนที่คอ เมื่อเริ่มชินแล้ว ให้เปลี่ยนจากการหายใจออกทางปากเป็นหายใจออกทางจมูก โดยทำให้มีเสียงสั่นเบาๆ ท่านี้จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกในทางเดินหายใจได้ ซึ่งช่วยให้ผิวหน้าสดใสขึ้น
- ท่าลมหายใจหน้าใส เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก จากนั้นหายใจออกทางปากพร้อมแขม่วท้องเป็นจังหวะ 3 ครั้ง เมื่อชินแล้ว ให้ฝึกหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกยาวๆ จากนั้นหายใจเข้าทางจมูกครึ่งเดียว แล้วหายใจออกทางจมูกพร้อมแขม่วท้องเป็นจังหวะ 3 ครั้ง ท่านี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น
- ท่าเป่าลูกโป่ง เริ่มต้นด้วยการสูดอากาศเข้าแล้วเป่าลมออกเหมือนเป่าลูกโป่ง หรือสูดลมเข้าแล้วทำแก้มพองโตด้วยอากาศ ทำที่แก้มซ้ายขวาสลับกันไป ท่านี้จะช่วยกระชับแก้มได้
⭐คลิกเลย !! เพื่อสมัครสมาชิก⭐
⭐เว็บหวย บาทละ 900⭐
สรุป : เว็บน้องใหม่มาแรง ปี 2023 ที่นี่ที่เดียว “TENG1”
TENG1LOTTO ของเราเปิดให้บริการ อ่านสปอร์ตแมน คาสิโนออนไลน์แบบครบวงจร รวมค่ายชั้นนำทั้ง คาสิโนออนไลน์, สล็อตออนไลน์, พนันบอล, หวยออนไลน์ และอื่นๆอีกมากมาย ต้องการเข้าเล่นเกมคาสิโนประเภทไหนแค่เข้าเล่น กับเราที่นี่ ก็เลือกได้ตามชอบเลย เป็นการลงทุนที่เชื่อถือได้แบบ 100%