365 Days: This Day
365 Days: This Day
มาถึงหนังภาคต่อที่คนทั้งโลกรอคอย(หรือเปล่า?) กับอีโรติกสุดเร่าร้อนแห่งทศวรรษที่กวาดยอดวิวได้อย่างมหาศาล กลับมาพร้อมกับภาคใหม่ที่ชื่อว่า “365 Days: This Day” ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเย้ายวนและกลิ่นอายคาวรสนิยมทางเพศที่เดือดร้อนอีกเช่นเคย นักแสดงและทีมงานชุดเดิมยังคงกลับมาสานต่อ เนื้อเรื่องก็ขยายออกไปกว้างยิ่งขึ้น พร้อมกับตัวละครใหม่ ๆ เพียบ เพียงแต่ว่า…มันช่วยส่งเสริมหรือบั่นทอนหนังเรื่องนี้ให้ดำดิ่งลงไปกันนะ
365 Days: This Day เล่าเรื่องราวต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว ความรักและความสัมพันธ์ของ เลาร่า กับ มัสซิโม แนบแน่นยิ่งขึ้นกว่าที่เคย พวกเขาได้เริ่มต้นใช้ชีวิตสมรสด้วยกันอย่างเป็นทางการ แต่เพราะความลับที่ยังแอบซ่อนอยู่เกี่ยวกับสายใยตระกูลมัสซิโม กับบุรุษลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นและได้สร้างความสับสนในการเรียกร้องตามหัวใจของเลาร่า ยิ่งทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองผูกปมทับถมให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ถ้าจะเปรียบเทียบกับภาคที่แล้ว ก็คงจะต้องบอกว่าหนังมีเส้นเรื่องที่เพิ่มเยอะขึ้นมาก เพียงแต่เส้นเรื่องที่ใส่เข้ามานั้นช่างไร้น้ำหนักและไม่ได้มาช่วยเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้เลยแม้แต่นิด ภาคนี้ไม่ได้โฟกัสอยู่แค่ความเร่าร้อนระหว่าง เลาร่า กับ มัสซิโม อีกต่อไปแล้ว มีตัวละครใหม่เสริมทัพเข้ามาอีกมากมาย และตัวหนังก็ยังค่อนข้างล้มเหลวในการสร้างมิติให้กับตัวละครนั้น ๆ กลับกลายใส่เข้ามาให้รู้สึกรำคาญใจมากยิ่งกว่าเดิม
เนื้อหาของ 365 Days: This Day กลับใส่ความน้ำเน่า เพิ่มกลิ่นความเหม็นคลุ้งเข้ามาเป็นเท่าตัว พล็อตเรื่องจริง ๆ มีแค่เพียงหยิบมือเดียว และเป็นสิ่งที่คนดูที่มีพื้นฐานของละครไทยก็สามารถเดาได้ตั้งแต่เริ่ม ซึ่งแน่นอนว่าปมประเด็นต่าง ๆ ทีเพิ่มเข้ามานั้นดูเป็นละครหลังข่าวมากไปสักหน่อย เป็นชนวนที่ทำให้ภาคนี้ไม่ได้ทำให้มีอะไรน่าลุ้นและมีสิ่งที่ตรึงตราได้เท่ากว่าภาคที่แล้ว ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นหนังที่ดีอะไรแต่อย่างใด
การแสดงของของ “มิคาเอล มอร์โรน” และ “อันนา มาเรีย เชกลุกก้า” ก็ไม่ได้ให้ความแปลกใหม่อะไร ซ้ำยังสังเกตเห็นด้วยซ้ำว่า พวกเขาดูช้ำหมองลงและไร้ความสดใหม่แบบที่เคยได้เห็นในภาคที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา อย่าง “ซิโมน ซูซินอา” หรือ “แม็กดาเลน่า ลัมพาร์ก้า” ก็ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งกับตัวหนังได้แต่อย่างใด พวกเขาเป็นได้แค่เพียงตัวละครที่เพิ่มเสริมเข้ามาให้เต็มเท่านั้น
และแน่นอนว่า 365 Days: This Day ยังคงเต็มไปด้วยไดอะล็อก หรือ บทพูดประหลาด ๆ ที่หยิบโครงมาจากนิยายน้ำเน่าเหมือนไม่ได้ดัดแปลง “ฉันไม่ได้ใส่กางเกงใน” ประโยคแรกที่เปิดเรื่องขึ้นมา…ก็ทำให้รู้สึกอิหยังวะได้พอประมาณ ไหนจะต้องมาเจอประโยคพูดเลียน ๆ เหมือนกับแกะภาษาวรรณกรรมมาใช้ ผนวกกับลีลาการแสดงเซ็กซี่ประดิษฐ์ประดอยของนักแสดง ที่ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าขบขันยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ
365 Days: This Day ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดูมิวสิควิดีโอเพลงยั่ว ๆ เพลงหนึ่งที่มีความยาวกว่าปกติ เป็นมิวสิควิดีโอของพวกคู่รักตระกูลเศรษฐีทำขึ้นมาเพื่ออวยความรวยของตัวเอง ทั้งภาพและโปรดักชั่นต่าง ๆ ชวนให้นึกคิดไปถึงอะไรแบบนั้น ฉากโรแมนติกต่าง ๆ กลายเป็นความย้วยและสโลโมชั่นแบบเกินจำเป็น และที่ขาดไม่ได้ถือการใส่เพลงประกอบเข้ามาในหนัง ใส่เข้ามาเยอะเช่นเคย เยอะมากจนคิดว่าเกินจำเป็นไปด้วยซ้ำ และเป็นเพลงที่ไม่ได้เข้ากับโทนอารมณ์ของหนังสักเท่าไหร่ด้วย
มาถึงสิ่งที่หลายคนน่าจะอยากรู้ว่า 365 Days: This Day นั้นมีระดับความแซ่บในฉากวาบหวิวต่าง ๆ แค่ไหน คงต้องบอกว่าใครที่คาดหวัง อาจจะต้องผิดหวัง เพราะดีกรีความเร่าร้อนในภาคนี้ค่อนข้างดร็อปลงไปจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัดเจน ท่วงท่าจังหวะในกามลีลาของหนังเรื่องนี้่ค่อนซ้ำซากจากภาคที่แล้ว มีหลาย ๆ ฉากที่ไม่ต่างไปจากสิ่งที่เคยเห็นมาแล้ว และในสัดส่วนของปริมาณก็ลดลง อีกทั้งยังคลุมโทนด้วยการใช้เทคนิคมุมภาพที่เซฟและไม่หวือหวาแบบที่ในภาคที่แล้วด้วย
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น ถ้าเปรียบเป็นรสชาติของเมนูอาหาร 365 Days: This Day ให้รสชาติที่จัดจ้านลดลงไปในระดับที่พอทานได้ แต่ความอร่อยกลับยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ หนังแทบไม่มีอะไรเลย กับเนื้อหาน้ำเน่าเหมือนละครหลังข่าวเช่นเดิม สาธยายออกมาในมุมมองว่าพยายามขยายจักรวาลนี้ให้กว้างขึ้น แต่กลับไม่สามารถดึงดูดและซื้อใจผู้ชมได้เพิ่ม ปมการเมืองต่าง ๆ ในยังไม่ได้รู้สึกหนักแน่นเพียงพอ ยังเป็นหนังสไตล์คนบ้ากามที่อย่าไปมองหาสาระใด ๆ แต่จะให้ไปหาความบันเทิงก็เกือบจะหาไม่เจอแล้ว
หนังภาคนี้ไม่ถึงกับว่าผิดหวัง เพราะไม่ได้คาดหวังใด ๆ แต่สัมผัสได้ชัดเจนถึงการดร็อปลงของทุก ๆ แง่มุมและองค์ประกอบที่เคยเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ และให้ตายเถอะ…เรายังจะต้องรอดูอีกภาคที่จะตามออกมาอีกเป็นไตรภาค ก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า หนังอีโรติกแบบ 365 Days มีคุณค่าและมีดีอะไรถึงต้องสร้างเป็นแฟรนไชส์หนังภาคต่อออกมาเยอะแยะขนาดนี้กันนะ…?