“ประยุทธ์” สุดปลื้ม! โฆษกรัฐบาล อ้างผลซูเปอร์โพล ชี้คนส่วนใหญ่ยังสนับสนุน
“ประยุทธ์” สุดปลื้ม! โฆษกรัฐบาล อ้างผลซูเปอร์โพล ชี้คนส่วนใหญ่ยังสนับสนุน
“ธนกร” มั่นใจ ประชาชนยังหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้ผลโพลพิสูจน์ชัด คนไทยยังต้องการให้ถือธงนำบริหารประเทศ ลั่น นายกฯ เดินหน้าลุยทำงานช่วยประชาชนฝ่าโควิด-19 ไม่สนเกมการเมือง วันที่ (19 ม.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบเสียงสะท้อนและทุกกำลังใจของคนไทยผ่านผลสำรวจความนิยมต่อนายกรัฐมนตรี จาก สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL)
ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ระหว่างวันที่ 10 – 15 มกราคม 2565 ที่ผ่านมาโดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.0 ยังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ถือธงนำ เพราะกล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ การบริหารงานใหม่ๆ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หลุดออกจากการบริหารประเทศแบบรัฐราชการ เว็บไซต์หวยออนไลน์ที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.3 ยังระบุว่า ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เลือกประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ และการเกรงใจทางการเมือง รวมทั้งการเกี้ยเซียะผลประโยชน์กับข้าราชการ ซึ่งส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.9 ระบุด้วยว่า ในเวลานี้ยังไม่เห็นใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์
นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ ผลโพลยังชี้ให้เห็นด้วยว่า เสียงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.3 นั้น ทราบถึงการบริหารประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกรัฐมนตรีกล้าที่จะออกมารับผิดชอบทุกเรื่องวิกฤตในนามของรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นเพราะหน่วยงานในหน้าที่อาจจะปล่อยปละละเลยจนมีการสะสมปัญหา
ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนยังให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะยังคงทำงานหนักเพื่อประชาชน เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันโดยไม่สนเกมการเมือง จะขอเดินหน้าทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเท่านั้น
“ผลโพลสะท้อนเสียงประชาชนได้เป็นอย่างดีว่า วันนี้ประชาชนยังคงเชื่อมั่น ยังคงให้กำลังใจ และยังไม่เห็นว่าจะมีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ความจริงใจในการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติบ้านเมืองและความเดือดร้อนของประชาชน
ซึ่งท่านนายกฯ มุ่งมั่นและทุ่มเทในการแก้ปัญหา มองถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมาอย่างยาวนานนั้น ผมยังนึกไม่ออกว่า จะมีผู้นำคนไหนอีกในขณะนี้ ที่เด็ดขาดและกล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งได้มากไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์” นายธนกร กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความนิยมต่อนายกรัฐมนตรี และ เบื้องหลังปัญหาวิกฤต ช่วงต้นปี 2565 กรณีศึกษา ประชาชนทุกสาขาอาชีพกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,119 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 – 15 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงการทำงานของทุกภาคส่วนแก้วิกฤตต่างๆ ของชาติบ้านเมืองและประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.8 ระบุ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ยังกินรวบผูกขาดธุรกิจ กีดกันรายย่อย บ่อเกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ
ร้อยละ 86.8 ระบุ ภาคประชาชน ต้องร่วมรับผิดชอบ เคารพกฎหมายและระเบียบกฎเกณฑ์ ทางสังคม ไม่เอารัดเอาเปรียบกันเอง ไม่สร้างความเกลียดชังกันจนเกิดปัญหากระทบส่วนรวม ร้อยละ 86.5 ระบุ ส่วนราชการกระทรวงต่างๆ ข้าราชการ ไม่ค่อยรับผิดชอบในหน้าที่ เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลยและยังรับประโยชน์ เกิดการทุจริต และอื่นๆ
ร้อยละ 85.5 ระบุ นายกรัฐมนตรี นักการเมืองร่วมรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องแสดงความจริงจังและจริงใจให้เห็น ในการนำข้าราชการที่ละเว้นหน้าที่ ปล่อยปละละเลยจนเป็นเหตุของปัญหาสำคัญมาลงโทษและมีมาตรการรองรับบทเรียน
ต้องไม่เกิดปัญหาอีก เช่น การเปิดบ่อนในพื้นที่ การปล่อยให้มีกระบวนการลักลอบฟอกขาวคนหลบหนีเข้าเมือง การปล่อยให้มีการลักลอบนำสินค้าควบคุมหน้ากากอนามัย ส่งออก หรือแม้กระทั่ง หมูราคาแพง ซึ่งกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ สมาคมฯ ต่างๆ ต้องเร่งแก้ปัญหาเอาคนผิดมาลงโทษที่เอาหมูเป็นโรคเข้าสู่ตลาด แต่ไปรับเงินชดเชยเยียวยาจากภาษีประชาชน
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.1 ระบุ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่และทำสิ่งที่ถูกต้อง สะสางกลุ่มผลประโยชน์ใกล้ตัวและพวกพ้องในกลุ่มราชการให้ได้อย่างแท้จริง ร้อยละ 84.0 ระบุ พรรคร่วมรัฐบาล ต้องรับผิดชอบงานในหน้าที่ของกระทรวงที่แบ่งมอบ ไม่นิ่งเฉย ปัดความรับผิดชอบ เอาประโยชน์เข้าตัวหรือเอาการเมืองมาต่อรอง จนทำให้ประชาชนเสียประโยชน์
ร้อยละ 83.9 ระบุว่า เมื่อเกิดความผิดพลาดการบริหารงานเฉพาะด้านการเมืองและกลุ่มเสียประโยชน์ มักมุ่งเป้าโจมตีผู้นำประเทศ โดยไม่แสดงความรับผิดชอบให้ความจริงกับสังคม เช่น กรณีหมูแพง พรรคร่วมรัฐบาล ระบบราชการ องค์กร สมาคมฯ ต่างๆ ที่ได้รับประโยชน์เชิงนโยบาย ต่างกล่าวโทษไปที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว โดยคนที่เกี่ยวข้องไม่กล้าออกมาพูดความจริง เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน
เมื่อถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 83.7 ระบุ หวังให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประชาชน เหมือนปี 2557 ที่มีความจริงจังเด็ดขาด ถือธงนำในการแก้ปัญหาเพื่อประชาชนแท้จริง โยกย้ายและลงโทษข้าราชการที่ทำผิด จัดการภาคเอกชนที่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบทำลายสังคม เพื่อให้คนดี คนเก่ง คนกล้า ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.5 ระบุ การเดินหน้าประเทศไทยต่อไปได้ใน ปี 2565 นี้ ต้องอาศัยกลไกความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองหมุนไปด้วยกัน
ร้อยละ 71.3 ระบุ ยังเห็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าออกมารับผิดชอบทุกเรื่องวิกฤตในนามของรัฐบาล ขณะที่หน่วยงานในหน้าที่ยังปล่อยปละละเลยให้มีการสะสมปัญหา และนักการเมืองและข้าราชการที่รับผิดชอบ ยังหลบและไม่แสดงความรับผิดชอบ
และร้อยละ 70.5 ระบุ ยังเห็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงานหนักและไม่เคยเห็นภาพความสุขส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี ตลอด 7 – 8 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความต้องการของประชาชน คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.0 ระบุ ต้องการให้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ถือธงนำ กล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ การบริหารงานใหม่ๆ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หลุดออกจากการบริหารประเทศแบบรัฐราชการ ขณะที่ร้อยละ 18.0 ไม่ต้องการ
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.3 ระบุ ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เลือกประชาชนมากกว่าผลประโยชน์และการเกรงใจทางการเมือง รวมทั้งการเกี้ยเซียะผลประโยชน์กับพวกข้าราชการ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.9 ระบุ ในเวลานี้ยังไม่เห็นใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ ร้อยละ 30.1 ระบุ มีคนอื่นเหมาะสมกว่า
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่า ประชาชนยังคงเชื่อมั่น ให้กำลังใจ และยังไม่เห็นใครอื่นเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลานี้ เพราะส่วนใหญ่มองว่าปัญหาวิกฤตของชาติบ้านเมืองและความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เกิดจากหลายสาเหตุและผู้มีส่วนได้เสียในหลายภาคส่วน เช่น หน่วยราชการ การทุจริตคอรัปชัน การละเว้นปล่อยปละละเลยและสมประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ภาคเอกชน รายใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจ และอื่นๆ
“นอกจากนี้ ยังรับรู้ได้ว่า ปัญหาและการสั่งสมของปัญหาจนเกิดวิกฤตสังคม เกิดจากการปล่อยปละละเลยของส่วนราชการ และการเรียกรับประโยชน์ทางการเมืองและการไม่แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง จนเกิดช่องว่างนำสู่ความเสียหายชาติบ้านเมือง ทางออกของปัญหาตามความเห็น
คือ ผู้นำที่เด็ดขาด กล้าตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดเอาประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ต้องสอบสวนหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบทุกปัญหา จัดทำบทเรียนร่วมกันเรียนรู้ พัฒนา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก ที่สำคัญคือ “ต้องปฏิรูปราชการ” และ “แก้ปัญหาทุจริต” จริงจังเร่งด่วน ขณะที่ภาคการเมืองต้องกล้าๆ แสดงความรับผิดชอบมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ทำตัวเป็นอีแอบกลัวเสียคะแนนอย่างเช่นที่เป็นอยู่ ” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว